• ชูจุดแข็งผู้นำอสังหาริมทรัพย์ที่บุกเบิกมิกซ์ยูสทั่วประเทศ โดยในแผน 5 ปีจะมีโครงการครอบคลุมมากกว่า 30 จังหวัด สร้าง Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่ง สามารถเชื่อมโยงไปยังธุรกิจต่างๆ ที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าทั้งกลุ่ม B2B และ B2C ในกลุ่มธุรกิจหลักของเซ็นทรัลพัฒนาที่มีทั้งศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรม
• เจาะทำเล CBD กรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ที่โครงการของเซ็นทรัลพัฒนาตั้งอยู่ เตรียมรองรับ Demand ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของเมือง, คอนโดมิเนียม, และอีคอมเมิร์ซ พร้อมส่งเสริมธุรกิจคู่ค้าผู้เช่าในการบริหารซัพพลายเชน ให้สามารถเติบโตไปด้วยกันทั่วประเทศ
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำเบอร์หนึ่งอสังหาริมทรัพย์ไทยเพื่อความยั่งยืนและผู้พัฒนาธุรกิจศูนย์การค้าเซ็นทรัล, ที่พักอาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ ผนึกกำลังร่วมมือกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (JWD) ผู้ให้บริการชั้นนำในอาเซียนด้านโลจิสติกส์ครบวงจรและบริหารจัดการซัพพลายเชนขยายไปยังธุรกิจบริการพื้นที่เก็บของให้เช่า (Self-Storage) ผสานความเชี่ยวชาญโดยเซ็นทรัลพัฒนาเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ที่บุกเบิกโครงการ Retail-Led Mixed-Use Development บนทำเลศักยภาพทั่วประเทศ และ JWD ที่มี Know-How ในการเปิดให้บริการ JWD Store It! ในปัจจุบันมีทั้งหมด 6 สาขา และมีพื้นที่ให้บริการรวมกว่า 13,000ตารางเมตร ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนาเข้าลงทุนใน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี สโตร์ อิท จํากัด (JWD Store It!) ในสัดส่วนร้อยละ 30 ภายใต้เงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างเซ็นทรัลพัฒนา, JWD และบริษัท สโตร์ อิท! แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้นำด้านธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวในประเทศสิงคโปร์
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ Retail-Led Mixed-Use Development เซ็นทรัลพัฒนาได้มองถึงการตอบรับเทรนด์ในอนาคตและแสวงหาโอกาสในการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจในด้านต่างๆ เพื่อเติมเต็มและยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตให้กับผู้คน เป็นการสร้าง Synergy for new solutionsอย่างครบรอบด้าน สำหรับการเข้าร่วมทุนในธุรกิจ Self-Storage ในครั้งนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมใหม่ที่เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจหลักของบริษัทฯ ร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญและมากด้วยประสบการณ์”
“โดยเซ็นทรัลพัฒนาเรามีจุดแข็งในการบุกเบิกทำเลศักยภาพและมี Market Insight เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าในทำเลต่างๆ ที่โครงการของเราตั้งอยู่ ซึ่งมีทั้งย่านธุรกิจ CBD ในกรุงเทพฯ และศูนย์กลางของจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ในขณะที่ JWD มี Know-How ในการบริหาร Storage ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในรูปแบบต่างๆ ทั้งลูกค้า B2C ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ โดยเรามองว่าในอนาคตที่เซ็นทรัลพัฒนาขยายโครงการมิกซ์ยูส ที่มีมากกว่าศูนย์การค้า แต่จะมีองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย การมีบริการ Self-Storage ในส่วนนี้จะสามารถรองรับได้ทั้งลูกบ้านจากคอนโดมิเนียมและแขกที่มาพักในโรงแรม นอกจากนี้เรายังมองถึงกลุ่ม B2B ในการเพิ่มบริการให้แก่ผู้เช่าทั้งในศูนย์การค้าหรือออฟฟิศ ซึ่งต้องการเช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้าและอุปกรณ์ในบริเวณใกล้เคียง ตอบสนองความต้องการในการบริหารซัพพลายเชนของผู้เช่า และยังส่งเสริมให้คู่ค้าสามารถขยายธุรกิจไปกับเราทั่วประเทศได้อีกด้วย” นางสาววัลยากล่าว
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (JWD) กล่าวว่า “การร่วมทุนในครั้งนี้กับเซ็นทรัลพัฒนาจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของเราในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการขยายธุรกิจให้เติบโตได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยจุดแข็งของเซ็นทรัลพัฒนาที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Location ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเลือกเปิดการให้บริการ JWD Store It! ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้มากขึ้น และเพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ทั้ง B2C และ B2B”
ปัจจุบัน JWD Store It! ให้บริการพื้นที่เก็บของให้เช่ารวมทั้งสิ้น 6 สาขา อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจ แหล่งชุมชนที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่น และย่านการค้าที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร 5 สาขา และอยู่ในจังหวัดภูเก็ต 1 สาขา โดยให้บริการให้เช่าห้องเก็บของส่วนตัว บริการตู้นิรภัยให้เช่า (Safe Deposit Box) เพื่อเก็บของมีค่า รวมถึงบริการห้องเก็บไวน์ระดับพรีเมี่ยม (Wine Bank) รองรับดีมานด์กลุ่มนักสะสมไวน์ ร้านอาหารและร้านค้า ปัจจุบัน JWD Store It! มีพื้นที่ให้บริการรวมกว่า 13,000 ตารางเมตร และยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจ ขยายสาขาและการบริการไปยังทำเลที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นสร้าง Sustainable Ecosystem ที่แข็งแกร่งด้วยแผนลงทุน 5 ปี มูลค่า 120,000 ล้านบาทเดินหน้าตามแผน “Retail-Led Mixed-Use Development” ตอกย้ำความแข็งแกร่งในการพัฒนาธุรกิจหลัก ได้แก่ ศูนย์การค้า 50โครงการทั้งในและต่างประเทศและคอมมูนิตี้มอลล์ 16 แห่ง, ที่อยู่อาศัยรวม 68 โครงการ, อาคารสำนักงานรวม 13 โครงการ, และโรงแรมรวม 37 โครงการ พร้อมทั้งขับเคลื่อนสู่อนาคตภายใต้เจตจำนงค์ของแบรนด์ Imagining better futures for all ด้วยการสร้างและพัฒนาพื้นที่ที่มีคุณภาพเพื่อดูแลคนและชุมชน รวมถึงสิ่งแวดล้อมให้เติบโตควบคู่ไปกับการเดินหน้าทางเศรษฐกิจและขับเคลื่อนประเทศไทย
Related