หลังจากที่เอไอเอสเปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center ผ่านการทำงานร่วมกับ กสทช., สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ โดย AIS ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนจากลูกค้า รวมถึงได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งเบอร์โทรและ SMS และหากพบว่าเป็นกลุ่มมิจฉาชีพก็จะทำการส่งข้อมูลดังกล่าวไปยัง ตำรวจไซเบอร์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศหรือภัยไซเบอร์โดยตรง อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ฝ่ายความมั่นคงเข้าจับกุมมิจฉาชีพแก็งคอลล์เซ็นเตอร์ที่หลอกลวงประชาชนได้สำเร็จซึ่งจะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายขั้นสูงสุดต่อไป จึงนับว่าเป็นผลจากการร่วมทำงานเชิงรุกระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องลูกค้าและประชาชนจากมิจฉาชีพ
นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหาร กลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวว่า “จากกรณีปัญหามิจฉาชีพละเมิดการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชน ที่สร้างความเดือดร้อน รำคาญ ไปจนถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งปัจจุบันเกิดเพิ่มขึ้นตามลำดับ ดังนั้นในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัล ที่มีเป้าหมายสูงสุดคือ การปกป้องข้อมูลและการใช้งานระบบสื่อสารของลูกค้า ที่ผ่านมานอกเหนือจากการพัฒนาดิจิทัลเซอร์วิสเพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์ อาทิ AIS Secure Net , Google Family Link ที่สามารถดูแลการใช้งานโทรศัพท์มือถือให้อยู่บนความปลอดภัยจากสแปม,ฟิชชิ่ง,ไวรัสแล้ว เรายังได้ร่วมทำงานกับภาครัฐ อย่าง กสทช.และฝ่ายความมั่นคงอย่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ ผ่านบริการสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา”
“ดังนั้นในวันนี้ที่ฝ่ายความมั่นคง สามารถจับกุมมิจฉาชีพแก็งคอลล์เซ็นเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นผลจากการร่วมทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างไร้รอยต่อ โดยเอไอเอส ยินดีที่จะสนับสนุนและร่วมทำงานกับภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องลูกค้าและประชาชนจากมิจฉาชีพที่จะถูกดำเนินการทางกฏหมายต่อไป”
พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ กล่าวว่า “จากการรวมรวมหลักฐานเอกสารขอข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้อมูลสำคัญจากการร้องเรียนผ่านช่องทางสายด่วน 1185 จากการทำงานร่วมกับ AIS อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทำให้กระบวนการทำงานของเราสามารถมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และรวดเร็วมากขึ้น พบว่ากลุ่มมิจฉาชีพได้โทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่าผู้เสียหายมีใบสั่งค้างชำระค่าปรับจราจร แจ้งว่าส่งพัสดุที่ผิดกฎหมาย ต้องทำการโอนเงินไปชำระ หรือต้องโอนเงินไปตรวจสอบแล้วแต่กรณี ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนไปให้มิจฉาชีพ ต่อมาทราบว่าถูกหลอกลวงจึงดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ Thaipoliceonline.com และได้ทำการร้องเรียนผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียนสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center อีกส่วนหนึ่ง จากการตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลในระบบรับแจ้งความออนไลน์พบว่า กรณีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงเชื่อมกันกับผู้เสียหายอีกหลายราย เชื่อว่าเป็นกลุ่มคนร้ายกลุ่มเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนสอบสวน รวมถึงประสานงานกับฝ่ายเทคนิคผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่คนร้ายใช้หาเบาะแสเพิ่มเติม กระทั่งทราบตัวผู้กระทำความผิด และสถานที่ที่ใช้ในการกระทำความผิด
เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันเข้าตรวจค้นสถานที่ต่างๆ ตามหมายค้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 8จุด ในพื้นที่ เขตบางนา ห้วยขวาง และลาดพร้าว ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมนายสุรชาติ แซ่โจ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหา “ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343, 83 มีอัตราโทษจ าคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14(1) มีอัตราโทษจ าคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ”และพบผู้ต้องสงสัยอีก 3 ราย ตรวจยึดของกลางเครื่องสัญญาณ IP PBX จำนวน 43 เครื่อง เครื่องส่งญาณไร้สาย wireless router จำนวน 30 เครื่อง และของกลางอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกหลายรายการ เช่น สมุดบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือ โดยได้นำตัวผู้ต้องหา และของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.สอท.ดำเนินคดีตามกฎหมาย สอบสวนขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับ บริการสายด่วน 1185 AIS Spam Report Center คือบริการสายด่วน รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าเอไอเอส ในกรณีถูกมิจฉาชีพโทรเข้ามารบกวน หรือได้รับ SMS Spam ให้สามารถโทรเข้ามาแจ้งได้ฟรี ผ่าน IVR Self Service และ AI Chatbot เพื่อให้ข้อมูลเบอร์โทรหรือ SMS ที่คาดว่าเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ โดยเอไอเอสจะดำเนินการตรวจสอบถึงที่มา รายละเอียดการจดแจ้งลงทะเบียน รูปแบบการโทรของเบอร์ดังกล่าว ซึ่งจะบ่งชี้ได้ว่าเป็นเบอร์หรือ SMS ของกลุ่มมิจฉาชีพหรือไม่ หลังจากนั้นจะดำเนินการบล็อกเบอร์และ SMS นั้นๆ โดยทันที พร้อมแจ้งกลับไปยังลูกค้าภายใน 72 ชั่วโมง
ทั้งนี้การปฏิบัติการของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และ AIS ยังคงมุ่งมั่น ร่วมมือทำงานร่วมกัน ดำเนินการเชิงรุก บังคับใช้กฎหมาย ปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม คำนึงถึงความเดือดร้อน และการอำนวยความยุติธรรมของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ