บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM หนึ่งในผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดย ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 2 จำกัด และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 จำกัด ในวันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2565 เวลา 8.29 น. ณ นิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ เปิดเผยว่า บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 2 จำกัด และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 จำกัด ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง มีกำลังการผลิตไฟฟ้าโครงการละ 140 เมกะวัตต์ ด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ในการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น มีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ในปี 2566 โดยจะจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำนวน 90 เมกะวัตต์ต่อโครงการ เป็นระยะเวลา 25 ปี และจำหน่ายไฟฟ้าที่เหลือทั้งหมดรวมทั้งไอน้ำให้กับลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง
ดร.ชญานิน เทพาคำ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สิงห์ เอสเตท รู้สึกเป็นเกียรติ และยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าระบบพลังงานความร้อนร่วมทั้ง 2 แห่งในวันนี้ ในฐานะหุ้นส่วนกับหนึ่งในบริษัทผู้นำทางด้านพลังงาน และได้รับการยอมรับมากที่สุดของประเทศไทยอย่าง บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) โดยโรงไฟฟ้าระบบพลังงานความร้อนร่วมทั้ง 2 แห่งนี้ ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งนอกจากจะเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาด ช่วยลดมลภาวะที่จะเกิดกับ สิ่งแวดล้อมแล้ว ยังจะช่วยส่งเสริม เอส อ่างทอง ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมด้านอาหาร (World food valley) ของสิงห์ เอสเตท ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้า ให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศที่สมบูรณ์ มีการใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ สอดรับกับเทรนด์อุตสาหกรรมโลก ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในนิคมสีเขียว
“ขอขอบคุณทาง บี.กริม สำหรับความเป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับสิงห์ เอสเตท โดยเราหวังว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือจะช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันในทางธุรกิจ ผลักดันให้เกิดการพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จ เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงโอกาสของความร่วมมืออื่นๆ ในอนาคต”
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการลงทุนว่า บี.กริม เพาเวอร์ ตั้งเป้าขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงร่วมทุนกับพันธมิตรต่าง ๆ โดยวางงบลงทุนทั้งหมดประมาณ 140,000 ล้านบาท สำหรับการลงทุน 5 ปี เพื่อใช้สำหรับการพัฒนาโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟ (PPA) ตามแผนในปัจจุบัน และโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายโครงการทั้งที่เป็นโครงการใหม่ (กรีนฟิลด์) และการซื้อกิจการ (M&A) โดยในปีนี้คาดว่าจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์ และมีลูกค้าอุตสาหกรรมใหม่ที่ซื้อไฟฟ้าเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 55 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์ ได้มีการบริหารจัดการต้นทุนโดยเตรียมนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ภายใต้สัญญาระยะยาวตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป ราว 500,000 ตันต่อปี สำหรับใช้ในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 18 โครงการเพื่อช่วยในการบริหารต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสำหรับลูกค้าอุตสาหกรรม นอกจากนี้ บี.กริม เพาเวอร์อยู่ระหว่างการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อทดแทนโครงการที่จะหมดอายุสัญญาลง 5 โครงการ คิดเป็น กำลังการผลิตติดตั้งรวม 700 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในครึ่งปีหลังของปี 2565 โดยคาดว่าจะช่วยประหยัดการใช้ก๊าซธรรมชาติต่อหน่วยลง 15%
ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ มีโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งหมด 56 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งรวมที่ 3,342 เมกะวัตต์ คงเป้าหมายการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 7,200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 และ 10,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2573