บรรดาผู้นำโลกแห่ประณามการโจมตีด้วยขีปนาวุธของ ‘รัสเซีย’ ที่ ‘ท่าเรือโอเดสซา’ ของ ‘ยูเครน’ หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศลงนามข้อตกลงเปิดทางการเดินเรือสำหรับส่งออกธัญพืชและอาหารอื่น ๆ เพื่อแก้วิกฤตอาหารโลก
หลังจากที่ตัวแทนจากสหประชาชาติ ตุรกี รัสเซีย และยูเครนได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อเปิดท่าเรือยูเครน 3 แห่งอีกครั้ง เพื่อเปิดทางเดินเรือสำหรับส่งออกธัญพืชและอาหารอื่น ๆ เพื่อเบาเทาวิกฤตอาหารโลก แต่ยังไม่ทันครบ 1 วัน ก็พบว่ามีขีปนาวุธจากรัสเซียยิงถล่มท่าเรือโอเดสซา ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของยูเครน แสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวลอีกครั้งในความพยายามที่ไร้ผลในการบรรเทาวิกฤตการณ์อาหารโลกที่เพิ่มสูงขึ้น
“หมึกยังไม่ทันแห้ง แต่ก็มีการยั่วยุที่เลวร้ายสองอย่างจากรัสเซีย ทั้งการโจมตีท่าเรือในโอเดสซาและคำแถลงของกระทรวงกลาโหมของรัสเซียว่าท่าเรือของยูเครนนั้นเป็นอันตรายต่อการขนส่ง” ที่ปรึกษาประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวบนทวิตเตอร์
ด้านรัสเซียจากที่ปฏิเสธในตอนแรก ล่าสุด อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าวว่า ขีปนาวุธที่ยิงมีเป้าหมายทางการทหารเท่านั้น โดยต้องการที่จะทำลายเรือรบยูเครนที่จอดเทียบท่าและโกดังเก็บขีปนาวุธฮาร์ปูนที่ยูเครนได้รับจากสหรัฐฯ
หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกมาประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย และกล่าวว่ารัสเซียต้องรับผิดชอบในการทำให้วิกฤตอาหารของโลกรุนแรงขึ้น
“การโจมตีดังกล่าวบ่อนทำลายงานของสหประชาชาติ ตุรกี และยูเครนในการจัดหาอาหารที่สำคัญสู่ตลาดโลก” บลิงเคนกล่าวในแถลงการณ์
อย่างไรก็ตาม กองทัพยูเครนระบุว่า การโจมตีดังกล่าวไม่ได้สร้างความเสียหายหนัก โดยกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานเดินหน้าเตรียมการกลับมาส่งธัญพืชที่ตกค้างออกจากท่าเรือทุกแห่งในทะเลดำ รวมถึงท่าเรือที่เมืองโอเดสซา