กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกลง หลังจากที่เศรษฐกิจโลกพบกับปัจจัยรุมเร้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศพัฒนาหลายประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจจีนที่ได้รับผลจากการล็อกดาวน์นับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่เศรษฐกิจของอาเซียนยังไม่โดนปรับลดแต่อย่างใด
ในรายงานล่าสุดของ IMF ที่เพิ่งออกมา ได้ปรับเป้า GDP ของหลายประเทศทั้งในปี 2022 นี้ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2022 จะเติบโตแค่ 3.2% เท่านั้น ลดลงจากคาดการณ์เดิมในเดือนเมษายนที่ 3.6% และยังมองว่าเศรษฐกิจโลกในช่วงปี 2023 เติบโตลดลงเหลือ 2.9% และมีสิทธิ์ที่จะเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในรายงานฉบับเดือนกรกฎาคมนั่นก็คือ ปัญหาของการล็อกดาวน์ในประเทศจีนนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา รวมถึงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ได้สร้างผลกระทบต่อภาคการผลิต เนื่องจากปัญหา Supply Chain ชะงัก และปัญหาของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนได้สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจจีนมหาศาล
ทำให้ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2022 นี้อาจเติบโตได้เพียงแค่ 3.3% ก่อนที่จะฟื้นตัวเป็น 4.6% ในปี 2023
ขณะเดียวกันผลกระทบจากการบุกยูเครนของรัสเซียยังได้สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมาก จากเรื่องของปัญหาพลังงาน รวมถึงด้านอาหาร เนื่องจาก 2 ประเทศเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญอย่างข้าวสาลี ความขัดแย้งดังกล่าวยังทำให้ปัญหา Supply Chain ชะงักเลวร้ายลงไปอีก ทำให้ความมั่นใจในการบริโภคของประชาชนลดลง
นอกจากนี้ปัญหาข้าวของมีราคาแพง แม้ว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา IMF มองว่าปัญหาดังกล่าวค่อนข้างทรงตัวแล้ว แต่ปัญหานี้จะสร้างผลกระทบกับประเทศที่ยากจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศยากจนในแถบแอฟริกาจะรับผลกระทบมากที่สุดจากราคาอาหารที่มีราคาแพง
อย่างไรก็ดี ในรายงานของ IMF ยังไม่มีการปรับลดคาดการณ์ GDP เศรษฐกิจในอาเซียน 5 ประเทศแต่อย่างใด โดย IMF คาดว่า GDP ของอาเซียน 5 ประเทศรวมกันจะเติบโตได้ 5.3% ในปี 2022 นี้ และ 5.1% ในปี 2023
IMF ยังมองความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกหลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นการบุกยูเครนของรัสเซียได้สร้างปัญหาทำให้ราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้น ปัญหาเงินเฟ้อที่ยังสูงและไม่มีท่าทีลดลง การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่อาจส่งผลทำให้ประเทศที่มีหนี้สูงอยู่แล้วไม่สามารถชำระหนี้ได้
ที่มา – IMF