อิตาลีเป็นเป็นประเทศที่รุ่มรวยศิลปวัฒนธรรมและเลื่องชื่อในดีไซน์ ขณะที่นวัตกรรมก็เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่ทั่วโลกต่างให้การยอมรับและชื่นชม เช่นเดียวกับ BIANCHI แบรนด์จักรยานที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงดำเนินการอยู่ และยังเป็นแบรนด์จักรยานที่มีแชมป์มากที่สุดในโลกอีกด้วย
“เป็นวัฒนธรรมอิตาลี เช่นเดียวกับ Ferrari, Ducati และ Vespa เป็นแบรนด์ที่อยู่ในสายเลือดของคนอิตาลี” คเณศ มีแก้ว หัวเรือใหญ่ ทีซีเอ กรุ๊ป บอก
ในประเทศไทยนำเข้าโดยทีซีเอ กรุ๊ป เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา
“BIANCHI ไม่ได้ขายจักรยาน แต่ขายชีวิต ขายตำนาน ขายจิตวิญญาณ” แต่กว่าที่เขาจะตระหนักถึงคุณค่าดังกล่าว ก็ปาเข้าไปที่ 3 ของการนำเข้า เมื่อเขาได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตที่อิตาลี พร้อมกับเห็นสโลแกนที่ว่า “Passione Cereste” ตั้งตระหง่านอยู่
“ตอนแรกเรามุ่งแต่ขายฟังก์ชัน ก็แปลกใจทำไมขายไม่ค่อยดี แต่ตอนนี้เราขายความหลงใหล ความปรารถนา ไลฟ์สไตล์ เป็นเรื่องของความมีชาติตระกูล”
“ก่อนหน้านั้นคนไทยรู้จักแบรนด์นี้น้อยมาก เพราะเขานิยม Merida,Trek และ Giant แต่ตอนนี้ก็มีแฟนคลับของตัวเองแล้ว”
ปัจจุบัน BIANCHI จึงไปได้สวยในไทย และได้ใจนักปั่นที่เข้าใจในคุณค่าของคำว่า Technology with Soul
นับได้ว่า BIANCHI เป็นเจ้าแห่งจักรยานเสือหมอบระดับโลก และยอดขายของแบรนด์นี้ก็มาจากจักรยานเสือหมอบถึง 70% แม้จะเป็นแบรนด์จักรยานแรกในโลกที่ทำ Fixed Gear มาตั้งแต่ 120 ปีที่แล้ว
ขณะที่ประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 125 ปีของแบรนด์นี้ มีเรื่องราวที่น่าสนใจและบอกเล่าต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น โดยคเณศเล่าว่า สีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ของ BIANCHI นั้นมาจากสีพระเนตรของพระธิดาในสมเด็จพระราชินีแห่งอิตาลี ซึ่งเป็นสีเขียวแบบเซเรสเต้และเป็นสีที่ทรงพระราชทานให้เป็นสีประจำแบรนด์ BIANCHI รวมถึงได้รับพระราชทานตรานกฟีนิกซ์ ตราประจำพระองค์อีกด้วย ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นความขลังที่ไม่มีแบรนด์จักรยานใดเสมอเหมือน
“สีสันจะดูไม่จี๊ดจ๊าดเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ส่วนหนึ่งผมว่าเพราะสีมันสวยแถมได้อิตาเลียนดีไซน์ใช้แฟชั่น ดีไซเนอร์เป็นคนออกแบบสีและกราฟิกของตัวจักรยานตามเทรนด์ของแฟชั่นวีคระดับโลก ทำให้ทันสมัยและเฉียบอยู่ในตัวดูเป็นสิบปีก็ไม่เบื่อ เป็นความคลาสสิก แค่เห็นเฟรม ไม่เห็นแบรนด์ก็รู้แล้วว่าเป็น BIANCHI”
ปัจจุบัน ทีซีเอ กรุ๊ป นำเข้า BIANCHI เฉลี่ยปีละ 2,000 คัน และจำหน่ายในราคา 20,000-70,000 บาท
ลูกค้าของ BIANCHI เป็นผู้มีกำลังซื้อสูง มีกำลังจับจ่ายเพื่อไลฟ์สไตล์และสุขภาพ เขาประเมินว่า มีนักปั่น BIANCHI ในไทยราว 6,000-7,000 คน
ใช่เพียงจะโดนใจคนรักจักรยาน แต่ BIANCHI ยังเป็นเครื่องมือเสริมค่าทางการตลาดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
“2-3 ปีมีคนมายืมไปถ่ายมิวสิกวิดีโออยู่หลายครั้ง เขาเห็นว่าสวยและเทรนด์ดี มีคนติดต่อมาให้ร่วมทุนสร้างหนังด้วยนะ แต่เราไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านนั้น ขายจักรยานต่อไปดีกว่า”
ล่าสุดโด่งดังขึ้นไปอีกในระดับแมส เมื่อคนจำนวนมากรู้จัก BIANCHI ผ่านณเดชน์ คูกิมิยะ ซึ่งเป็นเจ้าของรุ่น Nirone 7 ถ่ายแฟชั่นลงนิตยสารอุ๊ปส์ ขณะที่ลูกค้าคนดังรายอื่นๆ ก็มี เช่น ก้อง สหรัถ สังคปรีชา ลีโอ พุฒ และ แอม สุธีร์ เสียงหวาน
คเณศแจกแจงว่า BIANCHI แบ่งรุ่นและประเภทของจักรยานอย่างชัดเจน ดังนี้
- HoC สำหรับโปรทัวร์ เบา ขี่พุ่ง แบ่งเป็น
- รุ่นท็อปสุด คือ OL TRE
- รุ่นยอดนิยม คือ 928 SL
- ราคาแพงสุดคือ OL TRE บางคันแพงถึง 300,000 บาท
- B4P (Born for Performance) สำหรับคนที่ต้องการเริ่มต้นเข้าสู่การแข่งขัน
- Sempre
- 1885 (ตั้งตามชื่อปีที่ก่อตั้งแบรนด์)
C2C (Coast to Coast) เป็นจักรยานเสือหมอบ เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด ปั่นสบาน ปั่นเที่ยว หรือใช้สำหรับการขี่ซ้อม ขี่แข่ง แบบไม่จริงจังกับการแข่งขันมากนัก รุ่นท็อปสุดคือ Infinito และ รุ่นยอดนิยม คือ Nirone 7
MTB เสือภูเขา รุ่นยอดนิยมคือ Jab รุ่นอื่นๆ คือ Methanol SL, SX และ Kuma
City Bike เป็นจักรยานไฮบริด รุ่นยอดนิยมคือ Camaleonte หรือไอ้กิ้งก่า
Pista เป็น Urban Fixed Gear ราคา 20,000-30,000 บาท สำหรับขี่เที่ยว ขี่เล่น เป็นที่นิยมของวัยรุ่น