“ฮาร์ท” สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล Happy & Money Wheel

“ฮาร์ท สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล” ถือเป็นคนดังในวงการบันเทิงคนแรกๆ ที่มีข่าวเรื่องการปั่นจักรยาน ซึ่งก็ผ่านมาได้เกือบ 10 ปีแล้ว หัวข้อที่เป็นข่าวของเขานอกจากผลงานเพลง การทำงานเป็นพิธีกรข่าว และงานต่างๆ แล้ว เรื่องจักรยานก็ทำให้เขาฮอตไม่แพ้กัน

แน่นอนว่าความดังของเขาก็ทำให้การปั่นจักรยานกลายเป็นที่สนใจของผู้ชมไปด้วย แบบที่รู้สึกกันว่าขนาดดาราที่ต้องหน้าตาดี รักษาผิวพรรณเพื่อออกหน้ากล้อง ยังกล้าปั่นจักรยานลุยถนน ไม่กลัวดำแดด หรือการเจอฝุ่นควัน แล้วคนทั่วไปจะไปกลัวทำไม

“ฮาร์ท” เป็นคนดัง แต่เขาก็บอกว่า “ผมไม่ใช่ ณเดชน์ เลยไม่กลัว ซึ่งแม้แต่ครีมกันแดดยังไม่ทาเลย มีแค่หมวกกันแดด ก็พอแล้ว”

เขาปั่นจักรยานตั้งแต่ช่วงปี 2546-2547 ซื้อคันแรกราคาประมาณ 20,000 บาท เพราะเบื่อรถติดในกรุงเทพฯ ช่วงนั้นอ่านข่าวอยู่ที่ช่อง 3 ซึ่งอยู่ตึกเอ็มโพเรียม ถนนสุขุมวิท หากไม่อยากเจอรถติดก็ต้องออกจากบ้านแถวพหลโยธินเร็วและไปรอล่วงหน้านานเป็นชั่วโมง ทุกวันนี้ก็ยังปั่นไปทำงานที่ส่วนใหญ่จะเป็นงานพิธีกรอิสระ จริงๆ ชีวิตไม่ได้เร่งรีบนัก มีเวลาเหลือเฟือ แต่ที่ใช้จักรยานก็เพราะกลายเป็นความชอบไปแล้ว

ขณะนี้เขามีจักรยานที่ใช้ประจำ 3 คัน ที่ได้รับมาจากผู้บริหารของบริษัท Sport Bicycle เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ที่ “ฮาร์ท” รับจ้างเป็นพิธีกรที่ผู้บริหารของบริษัทแห่งนี้เสนอจักรยาน 1 คันพร้อมกับค่าจ้าง ที่แม้ตอนแรก “ฮาร์ท” จะลังเล แต่ก็คิดว่าพอรับได้เพราะตัวเองปั่นจักรยานอยู่แล้ว ซึ่งนำมาสู่สิ่งที่เขาบอกว่าเป็นการตัดสินใจที่ได้ผลดีตามมา ที่ไม่เพียงเขาได้รับงานต่อเนื่อง แต่ยังได้จักรยานมาอีก 2 คัน

คันแรก Specialized –Sirrus จากการเป็นส่วนหนึ่งของค่าจ้างเป็นพิธีกร (มูลค่าประมาณ 30,000 บาท) คันที่สองตามมาเมื่อเจอผู้บริหารของ Sport Bicycle และถูกถามว่าจักรยานคันนั้นได้ใช้หรือไม่ แน่นอน “ฮาร์ท” ใช้ จึงตามมาด้วยเสือหมอบ Specialized –Tarmac ที่ส่งมาให้ (มูลค่าประมาณ 90,000 บาท) และคันล่าสุดคือ เสือภูเขา Specialized รุ่นท็อปของปี (มูลค่า 1.2 แสนบาท)

มีหลายคนที่มาถามเรื่องการปั่นจักรยานจาก “ฮาร์ท” บ้าง แต่สิ่งที่เขาย้ำคือถนนในกรุงเทพฯ ก็มีความเสี่ยง เป็นไปได้ก็ไม่อยากแนะนำ เพราะหลายจุดในกรุงเทพฯ ที่ทำทางสำหรับจักรยานก็ไม่มีคุณภาพดีพอ

ในวันที่ทีม Positioning สัมภาษณ์ “ฮาร์ท” ที่บ้านย่านพหลโยธิน 30 นั้น เขาเพิ่งกลับจากรับงานช่วงเช้าย่านเยาวราช แล้วไปเจอเพื่อนตอนบ่ายที่โรงพยาบาลพญาไท 2 จากนั้นในช่วงเย็นขี่จักรยานไปรับลูกกลับจากโรงเรียนในละแวกบ้าน

เสื้อเชิ้ตผ้าบางเบา และกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบไนกี้ คือชุดประจำสำหรับปั่นจักรยาน เมื่อถึงสถานที่ทำงานก็ล้างหน้า เซตผม อบแอร์ เปลี่ยนชุดที่มีทั้งสูทและรองเท้าเตรียมพร้อมอยู่ในเป้ท้ายจักรยาน เขาผ่านการใช้จักรยานมาแล้วหลายรูปแบบการเดินทาง รวมทั้งการแบกจักรยานขึ้นรถไฟฟ้า ที่ไม่เวิร์คสำหรับเขาเพราะต้องแบก ยิ่งอายุมากแล้วยิ่งรู้สึกหนัก และรู้สึกว่าการต่อรถไฟฟ้าก็ช้าเกินไป ทุกวันนี้จึงลงตัวด้วยจักรยานอย่างเดียวก็ถึงทุกที่หมาย

จักรยานทำให้ “ฮาร์ท” ไม่เสียเวลาบนท้องถนน ถึงที่หมายได้เร็ว ที่เขาบอกว่าเขาปั่นจักรยานไปทำงานและได้เงินกลับมา คือความสุขและเป็นเหตุผลที่เขาเลือกใช้พาหนะนี้ เขาไม่ได้ปั่นจักรยานเพื่อเข้าสังคม หรือคลับต่างๆ เพราะไม่ได้รู้สึกมีความสุขในการทำกิจกรรมนั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องของความชอบของแต่ละคนมากกว่า

แม้จะปั่นเพื่อทำงานไม่ได้เพื่อชิลล์ แต่ดูเหมือนว่าความสุขระหว่างอยู่บนสองล้อนี้สำหรับ “ฮาร์ท” ก็น่าสัมผัสยิ่งนัก “ฮาร์ท” บอกว่าขณะกำลังปั่นจักรยาน มีความรู้สึกเป็นอิสระ เพราะได้อยู่กับตัวเอง จะหยุดหรือจะไปขึ้นอยู่กับเรา เพราะจักรยานเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา เราควบคุมได้เต็มที่ เป็นความรู้สึกสุขที่ได้เป็นอิสระจริงๆ