ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เปิดเผยในงาน IFA 2022 ถึงวิสัยทัศน์ในการส่งเสริมความยั่งยืนภายในบ้านผ่านเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานล้ำสมัย และการร่วมมือกับพันธมิตรทางการค้า เพื่อเตรียมขึ้นแท่นสู่การเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงานอันดับหนึ่ง โดยเน้นย้ำเรื่องแอปพลิเคชัน SmartThings ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อช่วยเนรมิตความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด ทั้งการเชื่อมต่อ (Connectivity), การปรับให้เข้ากับความต้องการ (Customizability) และความยั่งยืน (Sustainability) ของผลิตภัณฑ์ต่างๆ การประกาศในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาครั้งยิ่งใหญ่ของซัมซุงในการเชื่อมต่อสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ทีวีและหน้าจอแสดงผล สมาร์ทโฟน ตลอดจนอุปกรณ์สวมใส่ต่างๆ เป็นอีโคซิสเต็มที่เชื่อมต่อกันอย่างชาญฉลาด เพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งส่งเสริมไลฟ์สไตล์รักสุขภาพและให้ทุกวันเป็นวันที่สนุกมากยิ่งขึ้น
แจซึง ลี ประธานและผู้อำนวยการธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า “ในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคกำลังปรับเปลี่ยนไปสู่ทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซัมซุงเองก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ซัมซุงมีความตั้งใจที่จะส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในครัวเรือนอย่างยั่งยืนด้วยการยกระดับประสิทธิภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้ารวมเข้ากับ SmartThings ในแบบที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน”
เบนจามิน บราวน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ซัมซุง ยุโรป กล่าวว่า “ซัมซุงพร้อมที่จะส่งมอบโอกาส การเชื่อมต่อใหม่ๆ ตลอดจนประสบการณ์การใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาดให้แก่ทุกคนผ่านนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของเราครั้งนี้ซัมซุงเดินหน้าสานต่อพันธกิจของเราในการส่งมอบโอกาสใหม่ๆ ของชีวิต ที่พร้อมยกระดับไลฟ์สไตล์ และให้ทางเลือกความบันเทิงที่หลากหลาย ในขณะเดียวกัน ยังสามารถดูแลโลกของเราไปพร้อมกันได้”
มิติใหม่ของการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนด้วยการเชื่อมต่อกับ SmartThings
หลังจากที่ได้เปิดตัว SmartThings Home ในช่วงต้นปี ซัมซุงได้วางรากฐานการสร้างที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริงด้วยการเชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ากับโหมด AI Energy Mode จาก SmartThings Energy[1] ผู้ใช้งานสามารถเลือกโหมดประหยัดพลังงานที่ยังสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซัมซุงติดตั้งฟีเจอร์ SmartThings ในทุกผลิตภัณฑ์เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ชนิดต่างๆ เข้าด้วยกัน[2]และสร้างอีโคซิสเต็มให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานในทุกสถานการณ์ ฟีเจอร์ SmartThings โฉมใหม่จะทำให้ผู้ใช้สามารถใช้อุปกรณ์ซัมซุงตลอดจนอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีอยู่แล้วได้อย่างคุ้มค่า นับได้ว่าเป็นการเปิดโอกาสสร้างการเชื่อมต่อและทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้น นอกจากนี้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและเรียนรู้ปริมาณการใช้พลังงานของตนเองได้แบบเรียลไทม์ผ่านฟีเจอร์ SmartThings Energy ได้อีกด้วย
ธันญ่า เวลเลอร์ ผู้อำนาวยการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ซัมซุง
เครื่องใช้ไฟฟ้าของซัมซุงยังช่วยโลกอย่างยั่งยืนผ่านฟีเจอร์ AI Energy Mode[3] จากระบบ SmartThings Energy ที่ผู้ใช้งานสามารถลดระดับการใช้พลังงานด้วยการเลือกโหมด Energy Saving ในเครื่องใช้ไฟฟ้าของซัมซุง[4] อาทิ เครื่องซักผ้า ที่นับได้ว่าเป็นอุปกรณ์ประหยัดพลังงานอันดับหนึ่งของซัมซุง[5] สามารถเปิดใช้งานโหมด AI Energy Mode ในระบบ SmartThings Energy ให้ระบบประมวลผลการทำความสะอาดด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ[6] เช่น ในโหมด AI EcobubbleTM ที่ช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 70%[7] โดยการซักผ้าด้วยน้ำเย็นแต่ยังคงความสะอาดได้อย่างล้ำลึก เช่นเดียวกันกับตู้เย็น ซึ่งได้รับเสียงโหวตให้เป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เช่นกัน[8] ที่สามารถใช้ระบบ SmartThings Energy และโหมด AI Energy ได้อย่างลงตัวด้วยการประมวลผลอุณหภูมิและความเย็นจากการเปิดและปิดตู้เย็น ตลอดจนการทำงานของเครื่องคอมเพรสเซอร์[9] ซึ่งสามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 10% ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะประหยัดได้ถึง 30% ในช่วงสิ้นปี และอาจถึง 15% ด้วยการประมวลผลผ่าน AI algorithm ที่ช่วยให้คอมเพรสเซอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถทำละลายได้เพิ่มขึ้น 15%[10] ในระหว่างที่คงอุณหภูมิภายในตู้เย็นไว้ได้[11] นอกจากนี้ ยังสามารถประหยัดพลังงานด้านอื่น ซึ่งรวมไปถึงลดการใช้พลังงาน 40%[12] ของระบบ Eco Heating System 20% ของระบบอบผ้า และ 20%[13] ของระบบเครื่องปรับอากาศ Residential Air Conditioner (RAC) ภายในสิ้นปีนี้[14]
นอกจากนี้ ซัมซุงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบเครื่
นอกจากนี้มอเตอร์ระบบดิจิทัลอินเวอร์เตอร์ในเครื่องซักผ้า เครื่องปั่นผ้า ตลอดจนคอมเพรสเซอร์ในตู้เย็นของซัมซุง ได้รับการรับประกันยาวนานถึง 20 ปี ให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้นจะอยู่ได้นาน คุ้มค่าในทุกการใช้จ่าย
SmartThings ส่งมอบสุขภาพที่ดีในทุกที่
ซัมซุงเดินหน้าเอาใจใส่ด้านสุขภาพของผู้บริโภค ผ่านการเชื่อมต่ออุปกรณ์มากมายที่มีฟังก์ชั่นส่งเสริมสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการควมคุณภาพอากาศ ตลอดจนการทำอาหารที่ดีต่อสุขภาพและการดูแลสัตว์เลี้ยง ผ่าน SmartThings Home Life ที่เป็นเสมือนศูนย์กลางของ SmartThings ในดีไวซ์ต่างๆ ภายในบ้าน ที่ผู้ใช้สามารถมอนิเตอร์ได้อย่างง่ายดายจากสมาร์ทโฟน กล่าวได้ว่าระบบ SmartThings นั้นเป็นมากกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เพราะยังครอบคลุมไปถึงการใช้งานผ่านอุปกรณ์ Galaxy ต่างๆ เช่น Galaxy Watch 5 Series ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ใหม่ล่าสุด ที่มีเทคโนโลยี BioActive Sensor ที่สามารถประมวลผลค่าต่างๆ ของร่างกายได้ ติดตามคุณภาพการนอนหลับและเพลิดเพลินไปกับทิปส์ต่างๆ ผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานตามไลฟ์สไตล์อีกด้วย
ระบบความบันเทิงส่วนตัวและการเล่นเกมสำหรับทุกช่วงอายุ
มาร์ค ไอแซค คอนเทนต์ครีเอเตอร์จาก Future Gen Lab
ฟีเจอร์ SmartThings ช่วยให้ทุกคนสนุกกับการใช้ชีวิตในทุกวัน ซัมซุงเปิดประสบการณ์การรับชมและการเล่นเกมให้กับคนทุกวัย เพื่อให้ทุกคนได้รับความบันเทิงอย่างทั่วถึง ผู้บริโภคสามารถเลือกรับชมสิ่งรื่นรมย์จากทั้งจอใหญ่จุใจแบบ MICRO LED จาก Neo GLED 8K หรือจะเป็นขนาดกะทัดรัดที่สามารถพกพาได้แบบฟรีสไตล์
The Frame with Matt Display จอแสดงผลรุ่นใหม่ของปี 2565 ซึ่งเป็นหน้าจอที่ยกระดับประสบการณ์การรับชมที่สามารถลดแสงสะท้อน ทำให้ได้ภาพที่สมจริงมากขึ้นไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะแสงใดก็ตาม และด้วยบริการ Samsung TV Plus ผู้ชมสามารถเปลี่ยนจากการรับชมภาพผ่านจอใหญ่เป็นจอพกพาได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้บรรดาเกมเมอร์ยังสามารถเพลิดเพลินได้กับตัวเลือกมากมายเช่นกัน The Odyssey Ark จอมอนิเตอร์ที่มุ่งเน้นการส่งมอบประสบการณ์แบบ ไม่ซ้ำใคร ด้วยหน้าจอโค้ง 1000R ที่โอบล้อมผู้เล่นให้สามารถดื่มด่ำได้อย่างเต็มที่ หรือ The Odyssey Neo G8 ที่เหมาะสำหรับสายเกมเมอร์ตัวจริง และกลุ่ม Smart Monitor ที่ผู้ใช้งานสามารถใช้ทำงานหรือเล่นเกมก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Z Fold4 ล่าสุดยังมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นถึงสองเท่า นับได้ว่าเป็นหนึ่งในทางเลือกของสายเกมเมอร์นักเดินทาง กลุ่มสมาร์ทโฟนจอพับได้ของซัมซุงในตอนนี้ขึ้นแท่นเป็นอุปกรณ์หลัก โดยสะท้อนมาจากตัวเลขการส่งมอบสินค้าทั่วทวีปยุโรปเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ตั้งแต่เดือนกันยายน ซัมซุงพร้อมส่งมอบนวัตกรรมใหม่ล่าสุดให้แก่ผู้ใช้งานที่มากขึ้น พร้อมกับซอฟท์แวร์ใหม่ล่าสุดบน Galaxy Z Fold4 / Flip4, Watch 5 และยังครอบคลุมถึงรุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้อีกด้วย
ประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่จากการร่วมมือของพันธมิตร
การเปิดโอกาสและความร่วมมือคือปรัชญาหลักในการดำเนินธุรกิจของซัมซุง โดยบริษัทได้ยึดหลักและร่วมมือกับผู้นำด้านเทคโนโลยีตลอดจนด้านความบันเทิงรายใหญ่มากมาย เพื่อส่งมอบประสบการณ์สุดล้ำให้แก่ผู้ใช้งานทุกคน ในปี 2565 ซัมซุงประกาศเปิดตัว Gaming Hub ซึ่งให้บริการเกมต่างๆ บนแพลตฟอร์มในรูปแบบ all-in-one ผ่านระบบ Cloud ซึ่งรวมไปถึง Xbox Game Pass, NVIDIA GeForce NOW, Google Stadia, Utomik และ Amazon Luna (ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น) นับได้ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถเข้าถึงการเล่นเกมมากขึ้นแม้ว่าจะไม่มีเครื่องเป็นของตนเอง เป็นการยกระดับชุมชนเกมมิ่งและให้ผู้คนเข้าถึงงานอดิเรกใหม่ๆ ได้ นอกจากนี้ซัมซุงยังได้ร่วมมือกับ Philips Hue ในการยกระดับการดื่มด่ำเสียงเพลงผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Galaxy เมื่อผู้ใช้งานเปิดฟังเพลงผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ หลอดไฟอัจฉริยะ Hue Lights จะเปลี่ยนสีไปตามเสียงเพลงเมื่อใช้ร่วมกับระบบ SmartThings
ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ เกม หรือเพลง ซัมซุงมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าความบันเทิงจะสนุกสนานยิ่งขึ้นเมื่อได้รับการพัฒนา เพราะเหตุนี้ ซัมซุงได้ค้นพบพันธมิตรรายใหม่อย่าง TikTok แพลตฟอร์มออนไลน์ของชุมชนนักสร้างคอนเทนต์แห่งยุคสมัย ด้วยการร่วมมือกัน ซัมซุงและ TikTok พร้อมที่จะเสาะหานักทำเพลงสุดล้ำเพื่อมอบโอกาสในการสร้างอาชีพและอนาคตบนเส้นทางสายดนตรี
ซัมซุงพร้อมที่จะส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือชั้นผ่านการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ บนระบบ SmartThings ให้แก่ผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น ความบันเทิงที่ทวีคูณยิ่งขึ้น และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมที่มีมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งไปรวมถึงผลิตภัณฑ์อีกกว่า 300 แบรนด์และผู้ใช้งานกว่า 230 ล้านรายที่เชื่อมต่ออยู่บนระบบ SmartThings ในปัจจุบัน ซึ่งซัมซุงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้คนจะสามารถเข้าถึงการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทไลฟ์ได้มากขึ้นและเข้าถึงได้อย่างไร้ไม่มีที่สิ้นสุดตราบนานเท่านาน
ความร่วมมือในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่สะอาดยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เพื่อก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านเทคโนโลยีในการประหยัดพลังงาน ซัมซุงเดินหน้าจับมือกับพันธมิตรที่มีเป้าหมายสอดคล้องกัน อาทิ ความร่วมมือกับ Q CELLS บริษัทที่มุ่งเน้นการประยุกต์ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ และ SMA แบรนด์ผู้นำด้านระบบอินเวอร์เตอร์ในที่พักอาศัยแห่งสหภาพยุโรป เพื่อพัฒนา Net Zero Home[17] บ้านที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนในการสร้างและกักเก็บพลังงานด้วยตนเองจากการใช้งานผ่านแผงโซล่าเซลล์ เพื่อนำมาเป็นพลังงานให้แก่เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือน ที่ควบคุมโดยระบบ SmartThings เป็นศูนย์กลางอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทยังแผนการร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตการก่อสร้างบ้านอัจฉริยะและระบบ EV Charger ชั้นนำอย่าง ABB อีกเช่นกัน นอกจากนี้ ซัมซุงจับมือกับแบรนด์ Patagonia พัฒนาเครื่องซักผ้าที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีลดไมโครพลาสติกซึ่งออกมาจากผ้า จะสามารถลปริมาณไมโครพลาสติกได้มากถึง 54%[18] และคาดว่าจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน และจะยังมีเครื่องซักผ้ารุ่นอื่นๆ ที่สามารถเชื่อมต่อระบบได้และทำแบบเดียวกันได้ออกวางจำหน่ายภายในสิ้นปีอีกด้วย
ในแง่ของการอนุรักษ์ทรัพยาการธรรมชาติทางทะเล ซัมซุงยังมีพันธกิจที่จะทำให้ชายฝั่งสะอาดขึ้นด้วยการนำขยะพลาสติกจากทะเลมาใช้งาน โดยการนำอวนหาปลาที่ไม่ได้ใช้งานมาผลิตชิ้นส่วนในมือถือ อาทิ Galaxy Z Flip4 / Z Fold4, และหูฟังอัจฉริยะ Buds2 Pro ภายในสิ้นปี 2565 ซัมซุงจะสามารถลดชิ้นจำนวนพลาสติกในทะเลได้มากถึง 50 ตัน
ในขณะที่ความยั่งยืนกลายมาเป็นส่วนสำคัญต่อการใช้ชีวิต ซัมซุงมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำในการพัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนต่างๆ ที่สามารถช่วยอนุรักษ์พลังงานในบ้านได้ พบกับซัมซุงได้ที่งาน IFA 2022 หรือเข้าชมเว็บไซต์ Samsung.com เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม
[1] SmartThings Energy ในปัจจุบันสามารถใช้ได้กับเครื่
[2] SmartThings Energy ในปัจจุบันสามารถใช้ได้กับเครื่
[3] ใช้ได้กับ Android และ iOs อุปกรณ์ที่ใช้ต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi และมี Samsung account
[4] ใช้ได้กับ Smart appliances ที่ใช้งานกับ AI Energy mode เท่านั้น
[5] ข้อมูลประมวลจากการประหยัดพลั
[6] ยังสามารถครอบคลุมได้เมื่ออุ
[7] ข้อมูลจากผลการทดลองภายในกับรุ่
[8]การใช้พลังงานสูงสุดท่
[9] เมื่อเปิดใช้งานโหมด AI Energy Mode อุณหภูมิในตู้เย็นและช่องแข็
[10] มีในบางรุ่นตั้งแต่ธันวาคม 2565 ผ่านการอัพเดท Wifi โดยผลทดสอบได้มาจากการเปรียบเที
[11] ตู้เย็นถูกตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 5°C และช่องแข็งที่ Freezer -1°C ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเก็บรั
[12] ผลทดสอบได้
[13] อุณหภูมิที่ตั้งไว้อาจเพิ่มขึ้
[14] ทดสอบกับรุ่น AR12TXCAAWK/EU โดยเปิดการใช้งาน AI Auto Cooling โหมด และ AI Energy Mode เป็นเวลา 8 ชั่วโมง
[15] อ้างอิงจาก European Energy Standard คะแนนการประหยัดพลังงานสูงสุ
[16] รุ่นที่รองรับการใช้งาน Wifi 100% และ AI Energy Mode ผ่านการเชื่อมต่อบน SmartThings Energy
[17] Net Zero Home คือโปรเจ็ค Zero Energy Home ในอดีต
[18] ทดสอบด้วยปริมาณผ้า 2 กิโลกรัม ที่เป็น 100% เสื้อโพลีเอสเตอร์ เปรียบเทียบกับการซักโหมดผ้าสั