เบื้องหลัง Head and Shoulders ถุงเติม รีไซเคิลยากกว่าขวดก็จริง แต่เอาไป Upcycling ได้

กระแสเรื่องสิ่งแวดล้อมในไทยเริ่มเป็นที่ตระหนักแพร่หลาย ภาคเอกชนหลายแบรนด์เริ่มมีนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับแพ็กเกจจิ้งที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม สามารถรีไซเคิลได้ ลดการใช้พลาสติก หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

รวมไปถึงได้เห็นแคมเปญการตลาดรูปแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Refill Station หรือจะเป็นจุดรับลังกระดาษ เพื่อนำไปรีไซเคิลต่อไป เรียกว่ามีทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่ต้องการเป็นมิตรต่อโลกมากขึ้น

คนไทยเปิดใจกับ “รีฟิล”

แต่เรื่องเห็นใกล้ตัวมากที่สุดคงจะเป็นเรื่องการที่แบรนด์สินค้าแห่กันปรับเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้ง บ้างก็เปลี่ยนจากขวดพลาสติกเป็นขวดกระดาษ เปลี่ยนพลาสติกให้เป็นไบโอพลาสติกที่ย่อยสลายได้ ลดการใช้พลาสติกลง แล้วใช้พลาสติกรีไซเคิลมากขึ้น

ในวงการ FMCG ที่ดูจะใกล้ตัวกับผู้บริโภค มีการขยับตัวมากที่สุด ล่าสุดค่าย P&G ประเทศไทย ได้เปิดตัว Head and Shoulders แชมพูชนิดถุงเติม หรือจะเรียกง่ายๆ ว่าถุงรีฟิล ทางแบรนด์ได้เคลมว่าเป็นถุงรีฟิลเจ้าแรกๆ ในเซ็กเมนต์แชมพู

Photo : Shutterstock

ในปัจจุบันคนไทยคุ้นเคยกับการใช้ถุงรีฟิลมานานแล้ว แต่ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับกลุ่มสินค้า “ซักผ้า” ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาซ้ำผา น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผงซักฟอก หรือน้ำยาล้างจาน ล้วนเป็นถุงรีฟิลทั้งสิ้น ทำให้คนไทยไม่ได้รู้สึกเคอะเขิน หรือใหม่กับการใช้รีฟิลเท่าไหร่นัก แถมแนวโน้มจะเปิดรับมากขึ้นด้วย ถ้ารู้สึกว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเขา และถูกกว่าเดิม

สิรินพร วัฒนะภราดร รองประธานกรรมการฝ่ายขายและการสื่อสารองค์กร ประเทศไทย พม่า และลาว บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มเล่าว่า

“จริงๆ แล้วถุงรีฟิลมีการใช้กันทั่วโลกแล้ว พฤติกรรมคนไทยก็ไม่ได้รู้สึกมีช่องว่างกับถุงรีฟิล ผลสำรวจพบว่า 30% เปิดใจกับการใช้รีฟิลด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้คนไทยคุ้นเคยกับการใช้ถุงรีฟิลมานานแล้ว ในกลุ่มน้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาซักผ้า ส่วนครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกในตลาดแชมพู ถ้าสร้างกลุ่มนี้ได้ก็จะขยายฐานได้มากขึ้น” 

ในเครือ P&G มีแบรนด์แชมพูอื่นๆ อีก แต่ที่เริ่มต้นทำถุงรีฟิลกับแบรนด์ Head and Shoulders ก่อน เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่แมส และสตรองในกลุ่มขจัดรังแค มีความ Unisex ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ในขณะที่แบรนด์ Pantene มีโพสิชั่นค่อนข้างพรีเมียมกว่า และผู้หญิงจะใช้มากกว่า

รีไซเคิลไม่ได้ แต่ Upcycling ได้

ทาง P&G บอกว่า Head and Shoulders แชมพูถุงเติม เป็นถุงรีฟิลครั้งแรกในวงการแชมพู ก่อนหน้านี้เราอาจจะได้เห็นในกลุ่มครีมอาบน้ำเป็นถุงรีฟิลมากกว่า ส่วนแชมพูส่วนใหญ่ผู้บริโภคจะซื้อเป็นขวดปั๊ม จะเป็นขวดใหญ่ มองว่าคุ้มค่ากว่า และสามารถใช้งานได้สะดวกกว่า

โดยที่แชมพูถุงรีฟิลสามารถลดการใช้ขวดพลาสติกใหม่ อีกทั้งบรรจุภัณฑ์นี้ยังช่วยลดพลาสติก 78% อีกด้วย ดีไซน์ที่มาพร้อมกับฝาเปิดปิดแบบสะดวก ทำให้สามารถใช้จากถุงเติมได้ หรือจะเลือกเทใส่ขวดแชมพูเดิมก็ได้เช่นกัน P&G ตั้งเป้าลดปริมาณขยะพลาสติกภายในปีแรกที่ปล่อยแชมพูถุงเติม 1.3 ตัน!

Photo : Shutterstock

หลายคนสงสัยว่าการทำถุงรีฟิลเช่นนี้ จะช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อมได้มากกว่าขวดพลาสติกได้อย่างไร เนื่องจากถุงพลาสติกไม่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ เนื่องจากเป็นพลาสติกที่มีหลายชั้น โดยที่ขวดพลาสติกยังสามารถนำไปรีไซเคิลได้

สิรินพรบอกว่า ขวดพลาสติกรีไซเคิลได้ง่ายกว่าก็จริง แต่ถุงรีฟิลสามารถนำไป Upcycling ได้ ตอนนี้ก็มีพาร์ตเนอร์ที่เอาไปทำ Upcycling แล้วด้วย แม้รีไซเคิลยาก แต่ก็ทำได้แล้ว ที่สำคัญถุงรีฟิลมีการลดการใช้ปิโตเลียม 50%

ซึ่ง Upcycling คือ กระบวนการที่นำขยะ หรือวัสดุเหลือใช้มาผ่านกระบวนการเพื่อชุบชีวิตใหม่ อาจจะดีไซน์เป็นสินค้าใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่า กระบวนการจะแตกต่างจากรีไซเคิลเล็กน้อย แต่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อได้

ต้องคุ้มค่า ประหยัดเงินได้ 30 บาท

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญสำหรับผู้บริโภคที่จะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าในกลุ่มถุงรีฟิล หรือขวดใหญ่นั้น ก็คือ “ราคาคุ้มค่า” นั่นหมายความว่าเมื่อคำนวณราคาแล้วจะต้องถูกกว่าไซส์ปกติ ทาง P&G บอกว่า ตัวแชมพูรีฟิลนอกจากจะลดการใช้พลาสติกได้แล้ว ยังช่วยลดค่าครองชีพได้ด้วย

Head and Shoulders ถุงรีฟิล มีจำหน่าย 2 สูตร ได้แก่ สูตรคูลเมนทอล (COOL MENTHOL) และสูตรแอปเปิ้ลเฟรช (APPLE FRESH) ในปริมาณ 380 ม.ล. ในราคาซองละ 139 บาท เมื่อเทียบกับราคาแชมพูขวดใหญ่ในปริมาณพอๆ กัน ถุงรีฟิลจะถูกกว่า 30 บาท

สิรินพรบอกว่า เรื่องนี้เป็นปัจจัยสำคัญ เพราะแม่บ้านยุคใหม่จะต้องคำนวณความคุ้มค่าด้วย ยิ่งถ้าแพ็กเกจจิ้งดีต่อสิ่งแวดล้อมก็ยินดีที่จะจ่าย

ถ้าถามว่าในอนาคตจะมีสินค้าตัวอื่นของ P&G ที่ทำถุงรีฟิลอีกหรือไม่ คงต้องจับตารอดูผลตอบรับของแชมพู Head and Shoulders