ผ่านพ้นไปแล้วอย่างน่าประทับใจ สำหรับงานนิทรรศการและเสวนาพิเศษซึ่งจัดโดย เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ในงาน Sustainability Expo 2022 มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยมีผู้ให้ความสนใจเยี่ยมชมบูธนิทรรศการอย่างคับคั่ง และร่วมฟังเสวนา “ปรับอนาคตเมือง เปลี่ยนอนาคตเรา” และ “A Place for All – One Bangkok’s Sustainable Public Realm” เวทีแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์การทำงานด้านการพัฒนาพื้นที่เปิดโล่งสีเขียวเพื่อสาธารณะของเมืองอย่างยั่งยืน โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วยตัวแทนจากกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ตลอดจนหน่วยงานอื่น ๆ ที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ ผังเมืองและพื้นที่สาธารณะ
นายวรวรรต ศรีสอ้าน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาและบริหารโครงการ วัน แบงค็อก ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเสวนาในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภาคเอกชน กล่าวว่า “เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุกโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายของกรุงเทพมหานครในการพัฒนาเมืองน่าอยู่ โครงการหนึ่ง ๆ มีอายุใช้งานอย่างน้อย 30 ปี เพราะฉะนั้นการวางแผนและออกแบบการใช้ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ต้องพิจารณาให้รอบด้าน มองถึงอนาคตของการพัฒนาเมืองและการใช้ชีวิตของผู้คนจริง ๆ ปัญหาสำคัญของการพัฒนาพื้นที่ชุมชนเมืองในกรุงเทพฯ คือพื้นที่เปิดโล่งและพื้นที่สีเขียวที่มีเพียง 3.5 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งค่ามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกกำหนดไว้ที่ 9 ตารางเมตรต่อคน ขณะที่ทางสาธารณะ (Rights-of- way) มีจำกัดเพียง 7% ของพื้นที่ทั้งหมดของกรุงเทพฯ เมื่อเทียบกับระดับมาตรฐานที่ 20 – 25% ในขณะที่มหานครนิวยอร์คและโตเกียว ซึ่งมีประชากรหนาแน่นมากแต่ยังมีทางสาธารณะถึง 28 % และ 20% ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องสภาพแวดล้อมของพื้นที่สาธารณะในเมืองปัจจุบันที่ไม่เอื้อต่อการเดินเท้ามากนัก ซึ่งหากพื้นที่ในชุมชนเมืองเหล่านี้ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้เอื้อต่อการเดินเท้าอย่างสะดวกสบาย ปลอดภัย อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดี จะสามารถดึงดูดให้ผู้คนหันมาสัญจรด้วยการเดินเท้ามากขึ้น นอกจากจะส่งเสริมสุขภาพแล้ว ยังเป็นการลดจำนวนยานพาหนะ และมลภาวะในเมืองได้อีกด้วย”
นายวรวรรต กล่าวเสริมว่า “เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ มุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชุมชนในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจใจกลางเมือง ดังนั้นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูส ที่บริหารจัดการโดยเรา ไม่ว่าจะเป็น ปาร์คเวนเจอร์ อีโคเพล็กซ์, สามย่านมิตรทาวน์, เอฟวายไอ เซ็นเตอร์, เดอะ ปาร์ค, และ วัน แบงค็อก ต่างก็มุ่งเน้นสร้าง “พื้นที่สาธารณะที่มีคุณค่า” ประกอบด้วยการเพิ่มพื้นที่เปิดโล่ง การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การปรับปรุงทัศนียภาพของทางสาธารณะ และการเพิ่มทางเดินเท้า ซึ่งส่งเสริมการเติบโตทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ ทั้งนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่เปิดโล่งสีเขียวเพื่อสาธารณะที่มีคุณภาพใจกลางเมืองท่ามกลางสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่าง สวนลุมพินี และสวนเบญจกิตติ”
นายวรวรรตยังได้ยกตัวอย่าง วัน แบงค็อก โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจรและใหญ่ที่สุดใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นตาม 3 วิสัยทัศน์หลัก ดังต่อไปนี้
- การให้ความสำคัญกับผู้คน (People Centric) โดยการออกแบบให้มีพื้นที่เปิดโล่งและพื้นที่สีเขียวมากถึง 50 ไร่จากพื้นที่ทั้งหมด104 ไร่ จัดสรรเป็นพื้นที่สาธารณะขนาดใหญ่ที่ผู้คนเข้าถึงได้ รวมถึงพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ เป็นลานตรงกลางโครงการฯ ที่ร่มรื่นและมีภูมิทัศน์สวยงาม อีกทั้งยังมีโครงข่ายทางเดินเท้าที่ปกคลุมด้วยร่มไม้ พร้อมทั้งมีงานศิลปะสาธารณะที่สอดแทรกอยู่ในเส้นทางเดินตลอดโครงการ เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตนอกอาคาร มีกิจกรรมทางสังคมกับผู้อื่น ได้ออกกำลังกาย มีสุขภาพกายใจที่ดี
- การยกระดับความยั่งยืน (Green Sustainability) โดยแบ่งเป็น 3 แกนหลัก ประกอบด้วย ความยั่งยืนด้านสังคม ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ โดยมีการออกแบบโครงการ การใช้พื้นที่เปิดโล่ง และโครงข่ายทางเดินเท้า ตามมาตรฐานรับรองด้านการพัฒนาชุมชนแวดล้อมอย่าง LEED for Neighborhood Development ระดับ Platinum แห่งแรกในประเทศไทย และมาตรฐานรับรองอาคาร WELL เพื่อสุขภาพ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของผู้อาศัย รวมถึงผู้ใช้บริการ
- การใช้ชีวิตอย่างสมาร์ท (Smart City) โดยการใช้เทคโนโลยีจัดการ และรวมศูนย์งานระบบต่าง ๆ เช่น ระบบทำน้ำเย็นของระบบปรับอากาศ ไว้ที่อาคารสาธารณูปโภค (Central Utility Plant) ที่ล้ำสมัย ซึ่งเปิดโอกาสให้โครงการสามารถสร้างพื้นที่เปิดโล่งเพิ่มได้บนหลังคาอาคาร อีกทั้งภายในยังมีระบบแบบรวมศูนย์เพื่อบริหารและจัดการงานระบบของทุกพื้นที่ในโครงการได้ รวมถึงการดูแลความปลอดภัยของพื้นที่สาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง
โครงการ วัน แบงค็อก มีโครงข่ายทางเดินเท้าที่เชื่อมต่อกับระบบคมนาคมสาธารณะ และเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน อีกทั้งมีทางเข้าออกหลายจุดจากทั้งถนนวิทยุ และถนนพระรามสี่ เพื่อเปิดให้ผู้คนเข้ามาใช้พื้นที่สาธารณะได้ นอกจากนี้ พื้นที่ส่วนหน้าของโครงการ ตลอดแนวถนนพระรามสี่ และถนนวิทยุ มีความลึกจากด้านหน้าถนนเข้ามา 35-45 เมตร เพื่อสร้างเป็นสวนสาธารณะสีเขียวขนาดใหญ่ (Linear Park) อีกทั้งยังมีต้นไม้ร่มรื่นที่ช่วยกรองฝุ่น ให้ร่มเงา ลดอุณหภูมิ และสร้างทัศนียภาพที่สวยงาม ที่สำคัญ ยังเป็นพื้นที่ชลอน้ำ ช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมภายในโครงการและชุมชนโดยรอบในช่วงฤดูฝนอีกด้วย
โครงการวัน แบงค็อก ยังให้ความสำคัญกับงานศิลปะและวัฒนธรรมอย่างมาก โดยมีการวางแผนและออกแบบให้มีงานศิลปะสาธารณะ และโปรแกรมทางศิลปะต่างๆ ในพื้นที่สาธารณะทั่วโครงการ ด้วยความมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้คน ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม การเปิดโอกาสในการใช้งานศิลปะสาธารณะเป็นกระบอกเสียงเพื่อสื่อสารแนวคิดสำคัญที่ศิลปินมีต่อสังคม ด้านวัฒนธรรม การสะท้อนอัตลักษณ์และเรื่องราวของพื้นที่ และด้านเศรษฐกิจ การมีส่วนในการพัฒนาศิลปิน ส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และการเป็นจุดดึงดูดการท่องเที่ยว
ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวเพิ่มเติมกับแนวคิดเพื่อความยั่งยืนของโครงการ วัน แบงค็อกได้ที่ www.onebangkok.com และ FB: One Bangkok
Related