สื่อจีนยกย่องนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ชี้มีความยั่งยืน สร้างเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจ

ภาพจาก Shutterstock

สื่อจีนหลายหัวในประเทศจีนได้ยกย่องนโยบายโควิดเป็นศูนย์ว่าเป็นนโยบายที่ดี ไม่ว่าจะเป็น People’s Daily หรือแม้แต่ Xinhua ซึ่งทั้งสองสื่อมองว่านโยบายนี้จะสร้างเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจและสังคม รวมถึงนโยบายดังกล่าวนี้เหมาะสมกับประเทศจีน เมื่อเทียบกับนโยบายอื่นๆ

โดยในวันนี้ People’s Daily ได้กล่าวว่านโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนนั้นได้แจกแจงว่าเมื่อโรคระบาด (ซึ่งหมายถึงโควิด) อยู่ภายใต้การควบคุม เศรษฐกิจจึงจะมีเสถียรภาพ ชีวิตของประชาชนจะสงบสุข รวมถึงการพัฒนาสังคมที่มีคุณภาพ

นอกจากนี้สื่อจีนรายดังกล่าวยังได้ชี้ว่า ถ้าหากมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระจายเป็นวงกว้างแล้วนั้นจะสร้างผลกระทบมหาศาลต่อเศรษฐกิจรวมถึงการพัฒนาสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งต้นทุนและความสูญเสียนั้นจะสูงมากขึ้น

ขณะที่สื่อใหญ่ของจีนอย่าง Xinhua ออกมากล่าวชื่นชมนโยบายดังกล่าวว่า นโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนจะต้องเข้มงวดต่อไป และสื่อจีนรายนี้ยังมองว่าการแพร่ระบาดของโควิดเองยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตของผู้คนจำนวนมาก และมองว่าการใช้นโยบายดังกล่าว ลดการแพร่ระบาดในประเทศจีนได้

ไม่เพียงเท่านี้ Xinhua ยังชี้ว่านโยบายโควิดเป็นศูนย์นั้นเหมาะสมกับประเทศจีน และมีต้นทุนทางสังคมต่ำ เมื่อเทียบกับวิธีการอื่น

สำหรับนโยบายโควิดเป็นศูนย์นั้นในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ผู้นำสูงสุดของจีนเคยได้ย้ำเตือนนโยบายของจีนว่าจะต้องยึดกับนโยบายดังกล่าวนี้ ขณะเดียวกันเศรษฐกิจจีนเองก็ต้องมีระดับการเติบโตที่ดีด้วย

นโยบายดังกล่าวนี้ได้สร้างความไม่พอใจที่เกิดขึ้นในประเทศจีนไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจที่ต้องการที่จะลดความชะงักและติดขัดในภาคการผลิต รวมถึง Supply Chain ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ โดยรัฐบาลจีนได้รับปากที่จะแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว

อย่างไรก็ดีด้วยนโยบายที่เข้มงวด และภาคการผลิตยังไม่กลับมาฟื้นตัวเท่าที่ควร จึงทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตไม่เกิน 3.5% ในปี 2022 นี้ด้วยซ้ำ จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจของจีนจะเติบโตมากกว่า 5% ในตอนแรก

การออกมายกย่องนโยบายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของสื่อจีนนั้นได้เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการประชุมครั้งใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในวันที่ 16 ตุลาคมที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีการต่ออายุให้กับผู้นำสูงสุดอย่าง สี จิ้นผิง เป็นวาระที่ 3 ด้วย

ที่มา – CNBC, Bloomberg