ความขัดแย้งและปัญหาที่หาทางออกไม่ได้ของเป๊ปซี่ และบริษัทเสริมสุข จะสิ้นสุดลงในวันที่ 9 กันยายนนี้ หลังจากที่กลุ่มเป๊ปซี่ยื่นข้อเสนอที่มีการปรับจนเป็นที่ยอมรับกันทั้ง 2 ฝ่าย
การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2554 ของบริษัทเสริมสุข มีนายโพธิพงษ์ ล่ำซำ ประธานกรรมการ บริษัทเสริมสุข ทำหน้าที่ประธานการประชุม พร้อมด้วยคณะกรรมการบริษัทและกรรมการอิสระพร้อมหน้านายโพธิพงษ์ กล่าวว่า PepsiCo Group ได้ทำหนังสือมาที่บริษัทเสริมสุขลงวันที่ 25 สิงหาคมว่า ในวันที่ 9 กันยายนนี้ จะทำการเสนอราคาหุ้นให้บริษัทเสริมสุขพิจารณาว่าจะซื้อหรือขาย โดยให้ทางบริษัทเสริมสุขเป็นผู้พิจารณา โดยต้องให้คำตอบภายในวันเดียวกัน
“เป็นการเจรจาครั้งสุดท้ายแล้ว ไม่มีการต่อรองอีก” โพธิพงษ์บอกกับที่ประชุมวิสามัญ
ความหมายของการเจรจาครั้งนี้คือ เป๊ปซี่จะตั้งราคาหุ้นที่ถือครองอยู่ในราคาเดียว (ทั้งซื้อและขาย) เพื่อให้บริษัทเสริมสุขพิจารณา และเลือกว่าจะขายหุ้นที่ถือครองให้เป๊ปซี่ หรือจะซื้อหุ้นที่เป๊ปซี่ถือครองอยู่ เพื่อจะได้มีกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เพียงรายเดียวเท่านั้น
ขณะนี้เป๊ปซี่ถือหุ้นในบริษัทเสริมสุข 41.55% ขณะที่เสริมสุขถือหุ้นในสัดส่วน 32.62% หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งซื้อหุ้นจะถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 74.17%
นอกจากนี้ที่ประชุมได้อนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมแผนธุรกิจในอนาคตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสัญญาระหว่างบริษัท กับ เป็ปซี่ (EBA) ตามสัญญาจะซื้อจะขายหุ้นที่เป๊ปซี่เสนอมาด้วย โดยขยายระยะเวลาการมีผลบังคับของการเลิกสัญญา EBA ฉบับปัจจุบันออกไป 7 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 55 ไปสิ้นสุดวันที่ 1 พ.ย. 55 รวมทั้งกำหนดระยะเวลาสัญญา EBA ฉบับใหม่กับเป๊ปซี่ให้มีอายุสัญญา 7 ปี และต่อสัญญาได้โดยอัตโนมัติอีก 5 ปี
ในสัญญา EBA ฉบับใหม่ ได้กำหนดราคาค่าหัวน้ำเชื้อ ลดลงประมาณ 8.61% ก่อนหักส่วนลด หรือเท่ากับ 8.80% หลังจากหักส่วนลด จากราคาในสัญญา EBA ฉบับปัจจุบันด้วย
นอกจากนี้ยังแก้ไขในเรื่องของคณะกรรมการบริษัท ให้มีคณะกรรมการของบริษัทไม่น้อยกว่า 5 คน ไม่มีดำหนดสูงสุด จากเดิมมีคณะกรรมการบริษัทไม่น้อยกว่า 9 คนแต่ไม่เกิน 15 คน
การประชุมใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง โดยมีการพิจารณาวาระสัญญาฉบับใหม่ที่เป๊ปซี่เสนอเข้ามานานเป็นพิเศษ และมีผู้ถือหุ้นได้ซักถามข้อสงสัยเพิ่มเติมในหลายประเด็น