หลังจากในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตัวแทนจากสหประชาชาติ ตุรกี รัสเซีย และยูเครนได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อเปิดท่าเรือยูเครน เพื่อเปิดทางเดินเรือสำหรับส่งออกธัญพืชและอาหารอื่น ๆ เพื่อบรรเทาวิกฤตอาหารโลก แต่ล่าสุด รัสเซียก็ขอยุติข้อตกลงดังกล่าว โดยอ้างว่าถูกยูเครนโจมตีหนัก
สำหรับโครงการ Black Sea Grain Initiative เป็นข้อตกลงที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติในเดือนกรกฎาคม ที่ขอให้รัสเซียผ่อนคลายการปิดล้อมทางทะเล และเห็นการเปิดท่าเรือสำคัญ 3 แห่งของยูเครนอีกครั้ง โดยเรือลำแรกออกจากท่าเรือโอเดสซาของยูเครนเมื่อวันที่ 1 ส.ค. พร้อมบรรทุกข้าวโพดมากกว่า 26,000 เมตริกตัน ตั้งแต่นั้นมา เรือเกือบ 400 ลำที่บรรทุกน้ำหนักรวม 9 ล้านตันได้ออกจากท่าเรือของยูเครน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด รัสเซียระงับข้อตกลงในโครงการดังกล่าวอย่างไม่มีกำหนด โดยทางกระทรวงกลาโหมของรัสเซียอ้างว่า นี่เป็นการตอบโต้ การก่อการร้าย ของยูเครนต่อเรือรบรัสเซีย แถมอังกฤษยังมีส่วนด้วย
“กองกำลังติดอาวุธของยูเครนเปิดการโจมตีทางอากาศและทางทะเลครั้งใหญ่โดยใช้ยานบินไร้คนขับกับเรือ โจมตีโครงสร้างพื้นฐานของกองเรือทะเลดำที่ฐานทัพเรือในเซวาสโทพอล โดยมีเจ้าหน้าที่อังกฤษได้ช่วยเหลือกองทัพของยูเครนในการโจมตีก่อน โดยพบว่ามีโดรนอย่างน้อย 15 ลำที่เกี่ยวข้อง”
ทางด้าน Dmytro Kuleba รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน กล่าวว่า รัสเซียกำลังใช้การโจมตีดังกล่าวเป็นข้ออ้างสำหรับการปิดกั้นการส่งออกสินค้าทางการเกษตร ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงด้านอาหารสำหรับผู้คนหลายล้านคน
ที่ผ่านมา ยูเครนและรัสเซียคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 1 ใน 4 ของการส่งออกธัญพืชทั่วโลก จนกระทั่งการขนส่งเหล่านั้นต้องหยุดชะงักลงอย่างรุนแรงเป็นเวลาเกือบ 6 เดือนเนื่องจากสงคราม โดยยูเครนเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันดอกทานตะวัน และเมล็ดพืชอันดับต้น ๆ ของโลก และเป็นผู้ผลิตข้าวสาลีรายใหญ่อันดับ 7 ของโลกอีกด้วย