รายงานล่าสุดจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ชี้ให้เห็นว่าถ้าหากการค้าโลกเกิดความไม่แน่นอน หรือแม้แต่การแยกตัวออกจากกันแล้วนั้น เศรษฐกิจของทวีปเอเชียนั้นอาจได้รับผลกระทบมากที่สุด และยังลามไปถึงอัตรการว่างงานที่อาจเพิ่มขึ้นสูงได้
ในรายงานได้กล่าวถึงสภาพการค้าโลกในช่วงที่ผ่านมามีความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งวัดจากดัชนีความไม่แน่นอนของการค้าเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังช่วงของปี 2016 ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน การแพร่ระบาดของโควิด-19 มาจนถึงปัจจุบันที่เกิดกรณีการบุกยูเครนโดยรัสเซีย
IMF ยังได้ชี้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยได้ยกตัวอย่างของความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนในเรื่องการค้าระหว่างประเทศในช่วงปี 2018 ได้สร้างผลกระทบทำให้การลงทุนของโลกลดลง 3.5% แล้วยังส่งผลทำให้ GDP ของโลกลดลงไป 0.1% รวมถึงพิ่มอัตราการว่างงานมากถึง 1%
นอกจากนี้ IMF ยังได้วิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยจำลองเหตุการณ์การแบ่งแยกโลกออกเป็น 2 ฝ่าย โดยใช้ข้อมูลจากการลงคะแนนเสียงในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นมติที่เรียกร้องให้รัสเซียยุติการรุกรานยูเครน โดย IMF วิเคราะห์ว่าหากมีเพียงรัสเซียเท่านั้นที่ถูกแยกออกจากประเทศที่โหวตเห็นด้วย การสูญเสียผลผลิตสำหรับเศรษฐกิจโลกจะมีน้อย
อย่างไรดีความสูญเสียต่อเศรษฐกิจโลกจะเพิ่มมากขึ้นถ้าหากโลกนั้นแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม จะทำให้ GDP ของโลกในแต่ละปีสูญเสียมากถึง 1.5% และความสูญเสียจะเพิ่มมากขึ้นถ้าหากเป็นประเทศที่อยู่ในทวีปเอเชียแปซิฟิก ซึ่งความสูญเสียจะมากถึง 3% เนื่องจากการสูญเสียตลาดการส่งออก รวมถึงเครือข่ายการผลิต ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาทวีปเอเชียถือเป็นหัวหอกสำคัญของระบบการค้าโลก รวมถึงภาคการผลิตที่มีฐานการผลิตที่ใหญ่
ไม่เพียงแค่ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ผลกระทบต่อเนื่องที่ตามมานั้นอาจทำให้ทวีปเอเชียแปซิฟิกเองได้รับผลกระทบจากอัตราการว่างงานที่สูงมากถึง 7%
IMF ยังชี้ว่าการเจรจาและการมีส่วนร่วมซึ่งกันและกันจะสามารถหลีกเลี่ยงข้อพิพาทต่างๆ รวมถึงการปฏิรูปเรื่องข้อพิพาททางการค้าขององค์การการค้าโลกนั้นจะสามารถช่วยให้ความขัดแย้งด้านการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในระยะยาวนั้นลดน้อยลงได้
ที่มา – IMF