ในปัจจุบันนี้เห็นได้ชัดว่าเทรนด์การดูแลสุขภาพนั้นกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนต่างตื่นตัวหันมาให้ความสำคัญในการใส่ใจดูแลตัวเอง โดยเฉพาะเวชศาสตร์ชะลอวัย ที่สอดคล้องกับสังคมโลกที่เข้าสู่ยุคผู้สูงวัย โดยเฉพาะการชะลอวัยด้วยโภชนบำบัดดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงและช่วยชะลอความแก่ โดยไม่ใช้ยา แต่ใช้สารอาหารทดแทน และเน้นการสร้างสมดุลให้อวัยวะภายใน เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน
มีมุมมองเทรนด์สุขภาพที่น่าสนใจจาก พท.นพ.ธรณัส กระต่ายทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การชะลอวัย คลินิกการแพทย์ทางเลือกเพื่อสุขภาพ V Precision Clinic ภายใต้การดูแลของ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) “เทรนด์การดูแลสุขภาพในปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ยอดฮิตของผู้คนในตอนนี้ และพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ หากมองถึงเทรนด์สุขภาพและความงามในปี 2566 ยังคงต้องยกให้ “การย้อนวัย การชะลอวัย” โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญและมองเป็นภาพใหญ่ โดยมองว่าความชราเป็นโรคหนึ่ง ไม่ใช่ความปกติของร่างกายมนุษย์ หากสามารถรักษาโรคชราได้ โรคต่าง ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น ส่วนในประเทศซาอุดีอาระเบียใช้เงินลงทุนมากถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้วิจัยเกี่ยวกับกระบวนการ Aging แม้แต่ประเทศญี่ปุ่นก็เช่นเดียวกัน การตรวจอายุทางชีวภาพ หรือ ไบโอโลจิคอลเอจ (Biological age) จะเป็นอีกเทรนด์สำคัญของปีหน้า ทำอย่างไรให้อายุทางชีวภาพน้อยลง สะท้อนสุขภาพจากภายใน”
“เห็นได้ชัดจากกระแสการรักษาด้วย NAD+ IV Therapy (Nicotinamide adenine dinucleotide) โคเอนไซม์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ พบได้ในเซลล์ ช่วยส่งเสริมการงอกใหม่ของเซลล์และการแปลงเป็นพลังงานของเซลล์ เป็นสารประกอบสำคัญสำหรับร่างกายมนุษย์ ช่วยซ่อมแซม DNA ซ่อมแซมเซลล์ และเมตาบอลิซึมของเซลล์ให้ดีขึ้น โดยจากการวิจัยของ Dr. David Sinclair นักวิทยาศาสตร์ด้านพันธุศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ค้นพบว่า เมื่อเราอายุมากขึ้น ระดับ NAD+ จะลดลง การเพิ่มระดับ NAD+ จะทำให้ยีนเซอทูอิน (Sirtuin Gene) ซึ่งเป็นยีนที่ช่วยปกป้อง DNA ควบคุมความแก่ของเซลล์ในร่างกายเปิดทำงานได้ดีขึ้น ทำให้ชะลอกระบวนการแก่ ความเสื่อมของสมอง และโรคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอายุ จึงช่วยชะลอวัยแบบลงลึกได้ถึงระดับเซลล์”
แต่นวัตกรรมทางการแพทย์จะไม่หยุดอยู่แค่นี้ ในปีหน้าจะแอดวานซ์ไปถึงการ Reverse Aging การชะลอวัยแบบย้อนกลับ ที่มาพร้อมการรักษาแบบ New Way to Heal เน้นการรักษาเฉพาะบุคคล ประกอบไปด้วย 3 ข้อหลักๆ
- Personalized Medicine หรือ Tailor made เป็นการดีไซน์การรักษาแบบเฉพาะบุคคล แบบลงลึก เป็นความจำเพาะของแต่ละบุคคล เพราะร่างกายของมนุษย์แต่ละคนก็จะมีปัญหา หรือโอกาสในการเกิดโรคต่างแตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละคนก็จะถูกวางแผน ในการตรวจหาและรักษา ซึ่งไม่เหมือนกัน
- Dig to Deep ศาสตร์การรักษาแบบสมุหทัยวิทยา ในต่างประเทศ เรียกว่า Functional Medicine แปลว่าเป็นการหาสาเหตุของการเกิดโรคนั้นๆ เพราะว่าโรคแต่ละโรค ที่เกิดขึ้นกับคนแต่ละคนจะมีสาเหตุไม่เหมือนกัน
- Cutting Edge of Technology โดยการใช้เทคโนโลยีหรือการแพทย์ที่นอกเหนือจากการรักษาในโรงพยาบาล การตรวจแบบ Functional เช่น การตรวจแลปพิเศษที่ต้องส่งผลเลือด ผลอุจจาระ ปัสสาวะไปที่อเมริกา ออสเตรเลีย หรือฮ่องกง ซึ่งเป็นแลปเฉพาะทาง เพื่อดูผลการตรวจในแต่ละอย่าง รวมทั้งการตรวจในเรื่องของทางยีนส์ ในทาง Genetic เพื่อเอามา Match เพื่อวางแผนในการรักษาต่อไป
“นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ร่วมกับการรักษา ที่เรียกว่า Cellular Medicine หรือเรียกว่า Advance Medicine เข้ามาประยุกต์ใช้ในการรักษา เช่น การรักษาด้วย IV Nutritional Therapy การให้สารอาหารบำบัดทางเส้นเลือด ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับในโรคอย่างเช่น คนไข้ที่มีภาวะนอนไม่หลับอ่อนเพลีย หรือว่ามีภาวะตับอักเสบ หรือว่ามีการติดเชื้อ หรือว่าเป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานไม่ดี ซึ่งก็จะมีหลายปัจจัยที่เราสามารถนำมาปรับใช้กับการรักษาได้ รวมทั้งจะมีนวัตกรรมใหม่ๆสุดล้ำ ที่จะมาเปลี่ยนรูปแบบการรักษาแบบเดิมๆอีกมากมาย เช่น ซึ่งเป็นการรักษาแบบ Light Therapy หรือ Low Power Light Therapy ก็คือการใช้ศักยภาพของแสงเลเซอร์ที่มีความแตกต่างกันในแต่ละ Wave Range เพื่อเอามารักษาแล้วก็บำบัดในหลายๆโรค ยกตัวอย่างเช่นคนไข้มีภาวะอ่อนเพลีย หรือต้องการในเรื่องของชะลอวัย ก็จะใช้แสงสีแดงเป็นตัวที่กระตุ้นพลังงานของเม็ดเลือดแดงเลือดขาว แล้วก็สร้างพลังงานให้กับเซลล์ในร่างกาย ส่วนคนที่มีปัญหาเรื่องของระบบภูมิต้านทานไม่แข็งแรง อ่อนแอ เราก็จะใช้แสงเลเซอร์สีฟ้าเป็นตัวที่กระตุ้นภูมิ เพื่อที่จะให้ภูมิแข็งแรงขึ้น หรือการใช้แสงเลเซอร์สีเหลือง ซึ่งเป็นแสงสีเดียว กับแสงแดดในการกระตุ้นการสร้างวิตามินดีให้กับร่างกาย หรือการใช้เครื่องเพิ่ม Ozone – O3 หรือ Ozone Therapy เพื่อที่จะใส่เข้าไปในร่างกายของคนไข้ เพื่อช่วยในเรื่องของระบบร่างกาย เรื่องของกระบวนการกำจัดสารพิษ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยในเรื่องของความอ่อนเพลีย เป็นต้น นี่ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างเทคโนโลยีใหม่ๆที่จะถูกนำเข้ามาใช้รักษา และปรับใช้กับคนไข้ต่อไปในอนาคต”
ดังคำกล่าวที่ว่า “การไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ” การมีสุขภาพที่ดี จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีแบบยั่งยืน
ติดตามบทความสุขภาพและสาระดี ๆ จาก พท.นพ.ธรณัส กระต่ายทอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การชะลอวัย คลินิกการแพทย์ทางเลือกเพื่อสุขภาพ V Precision Clinic ภายใต้การดูแลของ บริษัทโรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) ได้ที่ คลิ๊ก www.vprecision.co.th สอบถามเพิ่มเติมที่ 096-964-6465