ผลสำรวจของ McKinsey ที่ได้สำรวจชาวจีนมากกว่า 6,700 รายทั่วประเทศจีนในช่วงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ได้ชี้ว่าชาวจีนที่ร่ำรวยนั้นเพิ่มการใช้จ่ายของตัวเองในปีนี้ ตรงกันข้ามกับชาวจีนที่มีฐานะยากจนนั้นเตรียมที่จะเก็บเงินไว้ เนื่องจากมองเห็นถึงความไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาวะเศรษฐกิจจีนที่กำลังฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ชาวจีนที่มีรายได้มากกว่า 345,000 หยวนต่อปี หรือราวๆ 1.72 ล้านบาทต่อปี ที่ McKinsey สำรวจ สัดส่วนมากถึง 26% ได้ชี้ว่าจะเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยในปีนี้อย่างน้อย 5% หรือมากกว่านั้น มีแค่เพียงแค่ 14% เท่านั้นที่มองว่าจะลดการใช้จ่ายของตัวเองในปีนี้ลง ขณะที่เหลือนั้นแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2021 ด้วยซ้ำ
ขณะที่ชาวจีนที่รายได้ต่ำกว่า 85,000 ต่อหยวนต่อปี สัดส่วนมากถึง 27% ได้ชี้ว่าจะลดการจับจ่ายใช้สอยลง มีเพียงแค่ 12% เท่านั้นที่จะเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยในปีนี้ ขณะที่เหลือนั้นต้องการที่จะเก็บเงินบางส่วนไว้เผื่อในช่วงเศรษฐกิจไม่เป็นใจกับพวกเขา
ในรายงานของ McKinsey ยังชี้ว่าปัจจัยดังกล่าวนั้นแตกต่างกับปี 2019 ซึ่งเป็นปีก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้นชาวจีนไม่ว่าจะรวยหรือจนนั้นจะมีทิศทางในการใช้จ่ายค่อนข้างไปในทางเดียวกันเสมอ และสัดส่วนนั้นไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งจะเห็นว่าในปีนี้ชาวจีนที่ร่ำรวยยังให้ความมั่นใจกับความมั่งคั่งของตัวเองอยู่ ตรงกันข้ามกับชาวจีนที่รายได้ต่ำ
ผลสำรวจดังกล่าวยังสอดคล้องกับตัวเลขภาคการบริโภคของจีนในช่วงผ่านมาที่ชะลอตัวลงอีกด้วย โดยตัวเลขค้าปลีกล่าสุดในเดือนกันยายนเติบโตแค่ 2.5% เท่านั้น ขณะที่ GDP จีนเองก็โตแค่ 3.9% ทำให้นักวิเคราะห์หลายสถาบันการเงินมองว่าในปีนี้เศรษฐกิจจีนอาจเติบโตไม่ได้ดีมากนัก
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ผลสำรวจออกมาแตกต่างกันนั้นเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของจีนในช่วงที่ผ่านมานั้นได้รับผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังรวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง ส่งผลทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนได้รับผลดังกล่าว ซึ่งผลกระทบหลักนั้นกระทบกับชาวจีนที่เป็นกลุ่มรายได้น้อยนั่นเอง
ที่มา – CNBC