- คาดผลงานปี 2566 ยังคงสดใส ตั้งเป้าเติมลูกค้าใหม่เพิ่มอีก 150,000 ตร.ม. รับอานิสงค์นักลงทุนต่างชาติขยายฐานการผลิตรวมถึงธุรกิจ EV โตก้าวกระโดด
- พร้อมวางหมุดหมายสำคัญ เปิดตัวโครงการ BFTZ 4 บางปะกง และ BFTZ 5 วังน้อย กระจายพื้นที่โครงการสู่ทำเลทอง ครอบคลุมความต้องการใช้พื้นที่ของหลากหลายอุตสาหกรรม
พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ในเครือ บมจ.มั่นคงเคหะการ เดินหน้าสร้างการเติบโตเต็มสูบ หลังขยายอาณาจักรคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าเพิ่ม 5 โครงการบนยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของไทย สิ้นปี 2565 คาดว่าเซ็นสัญญาลูกค้าใหม่เพิ่มอีกกว่า 120,000 ตร.ม. พร้อมประกาศปิดดีลเช่าคลังสินค้า รูปแบบสร้างตามความต้องการ (Built-to-Suit) พื้นที่เช่ากว่า 30,000 ตร.ม. ในโครงการใหม่ บางกอกฟรีเทรดโซน 3 (BFTZ 3) ถนนบางนา-ตราดกม. 19 ให้แก่ลูกค้าผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ซึ่งวางแผนผลักดันให้คลังสินค้าแห่งใหม่นี้เป็น Logistics Hubs ของบริษัทฯด้วยสัญญาเช่าระยะยาว 15 ปี ตอกย้ำความต้องการพื้นที่บางพลีของภาคโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่ยังขยายตัวต่อเนื่องจากเป็นศูนย์กลางขนส่งที่สำคัญของไทย
นางสาวรัชนี มหัตเดชกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (“บริษัทฯ”) ในเครือบริษัทมั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาและบริหาร ‘โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน’ กล่าวว่า “ผลงานของ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ในปีนี้ถือว่าเติบโตตามเป้าที่วางไว้ภายใต้กลยุทธ์ ‘มากกว่าพื้นที่’ (More Than Just Space)ในการส่งมอบอาคารตอบโจทย์การใช้งานผู้เช่าอย่างยืดหยุ่นเราจึงสามารถรักษาฐานผู้เช่าเดิมและเพิ่มเติมผู้เช่าใหม่เข้ามาต่อเนื่อง สำหรับไตรมาส 3 ของปี 2565 มีการเซ็นสัญญาของผู้เช่ารายใหม่เข้ามากว่า 100,000 ตร.ม.และคาดว่าจะปิดปีด้วยพื้นที่เช่าใหม่ทะลุ 120,000 ตร.ม. ล่าสุดเราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำของไทย มอบหมายให้พัฒนาอาคารคลังสินค้ารูปแบบBuilt-to-Suit พื้นที่เช่า 30,000 ตร.ม. ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป (General Zone) ของโครงการ BFTZ 3 ถนนบางนา-ตราด กม.19 ด้วยสัญญาเช่าระยะยาว สะท้อนความเชื่อมั่นในด้านการพัฒนาอาคารของ พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์บนทำเลยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ รองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต”
อาคารคลังสินค้าแห่งใหม่นี้ได้รับการออกแบบและก่อสร้างตามความต้องการของลูกค้าพัฒนารูปแบบให้มีความทันสมัยใช้ไฟระบบ LED ที่ช่วยเรื่องการประหยัดไฟยกระดับมาตรฐานการใช้งานเป็นอาคารขนาดใหญ่ที่รวบรวมศูนย์กระจายสินค้าเดิมของผู้เช่ามารวมไว้ในที่เดียวกันทำให้สามารถกระจายสินค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพตอบสนองดีมานด์ด้านการขนส่งได้ทันท่วงที โดยทำการลงเสาก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อย คาดว่าจะแล้วเสร็จและส่งมอบอาคารภายในช่วงไตรมาส3 ของปี 2566
พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ เป็นผู้พัฒนาและบริหารโครงการคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าที่มีความแข็งแกร่งในเรื่องการหาพื้นที่ทำเลศักยภาพและเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอาคาร พร้อมบริการ One Stop Service ปัจจุบันครองพื้นที่บางพลี ทั้งโครงการ BFTZ 1 บริเวณบางนา-ตราด กม.23, โครงการ BFTZ 3 ถนนบางนา-ตราด กม.19 และ โครงการ BFTZ 6 ถนนบางนา-ตราด กม.19 ที่กำลังอยู่ในระหว่างพัฒนาอาคาร พร้อมเดินหน้าตามโรดแมปกับโครงการ BFTZ 4 บางปะกง ด้วยอาคารพร้อมใช้แบบ Ready Built และ เปิดตัวอาคาร Built-to-Suit โครงการ BFTZ 5 วังน้อย ในปีหน้าซึ่งการขยายอาณาจักรกระจายตัวไปยังทำเลยุทธศาสตร์เหล่านี้ จะทำให้สามารถส่งมอบบริการได้อย่างครอบคลุมเนื่องด้วยแต่ละโลเคชั่นจะมีจุดเด่นตอบโจทย์แต่ละอุตสาหกรรมแตกต่างกันไป
“ด้วยศักยภาพและสิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบการในเขต EEC โครงการใหม่ของพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ที่ บางปะกง จะดึงดูดผู้เช่าในกลุ่มธุรกิจ S-Curve และ New S-Curve อาทิ ธุรกิจการแปรรูปอาหาร ห้องเย็น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนธุรกิจโลจิสติกส์ โดยเรามุ่งเน้นในส่วนของให้เช่าอาคารคลังสินค้าทั่วไป และอาคารเก็บสินค้าวัตถุอันตราย เป็นหลักและตั้งเป้าว่าจะพัฒนาอาคาร ReadyBuilt ที่สามารถปรับไปเป็น Built-to-Suit รวมถึงเตรียมที่ดินสำหรับรอพัฒนาอาคาร Built-to-Suit เพราะเมื่อเราขยายโครงการไปยังโลเคชั่นที่หลากหลาย ลูกค้าจะมีทางเลือกการใช้พื้นที่ได้มากขึ้นกลุ่มธุรกิจที่น่าจับตามอง นอกจากกลุ่มโลจิสติกส์แล้วยังมีธุรกิจ EV ที่เข้ามาสร้างโอกาสให้กับทางพรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์เช่นกันพร้อมอานิสงค์ของนักลงทุนต่างชาติที่เร่งขยายฐานการผลิตมาที่ประเทศไทย เชื่อมั่นว่าปี 2566 จะเป็นช่วงเวลาสำคัญในสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน” นางสาวรัชนีกล่าวเสริม
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมยังมีแนวโน้มโตต่อ โดยเฉพาะพื้นที่ยุทธศาสตร์โลจิกสติกส์ที่เอื้ออำนวยต่อการขนส่งมีสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศข้อมูลจาก บีโอไอระบุว่า คำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 2565 จะอยู่ที่ประมาณ 500,000 ล้านบาท มีปัจจัยสนับสนุนหลักจากโครงการขนาดใหญ่ที่ทยอยเข้ามา ประกอบกับความขัดแย้งในภูมิภาคส่งผลให้เกิดการย้ายฐานการผลิตมายังไทยเพิ่มขึ้นซึ่งที่ผ่านมา อัตราเช่าคลังสินค้าและโรงงานในโครงการ BFTZ ยังคงสูงกว่า 90% และมีลูกค้าในไปป์ไลน์ที่กำลังเจรจาเช่าพื้นที่อีกหลายราย