“ทิม คุก” แห่ง Apple ไม่ปลื้ม “เมตาเวิร์ส” มองเทคโนโลยี AR สำคัญกับอนาคตมากกว่า

(Karl Mondon/Digital First Media/The Mercury News via Getty Images)
อีกหนึ่งคนดังโลกเทคโนโลยีที่แสดงออกว่าไม่ได้มอง “เมตาเวิร์ส” เป็นอนาคตของวงการ “ทิม คุก” ซีอีโอ Apple อยู่ในฝั่งที่ไม่เชื่อในเมตาเวิร์ส และมองว่า AR คือเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลกมากกว่า

“ผมคิดอยู่เสมอว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่คนเราจะต้องเข้าใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร” ทิม คุก ซีอีโอ Apple กล่าวกับสำนักข่าว Bright ซึ่งเป็นสำนักข่าวในเนเธอร์แลนด์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา “และผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าคนทั่วไปจะบอกได้ไปไหมว่า ‘เมตาเวิร์ส’ คืออะไรกันแน่”

ไม่น่าแปลกใจที่ Apple ยังไม่มีการประกาศแผนที่เกี่ยวกับ “เมตาเวิร์ส” ต่อสาธารณชน เมตาเวิร์สนั้นเป็นแพลตฟอร์ม Virtual Reality (VR) ที่ผู้คนสามารถเข้าไปในโลกเสมือนจริงนี้และมีปฏิสัมพันธ์กัน ทำงาน ช้อปปิ้ง หรือเล่นเกม โดยจะต้องใช้อุปกรณ์ในการเข้าสู่เมตาเวิร์ส เช่น แว่น VR

โลกเสมือนจริงเมตาเวิร์สนั้นเกิดขึ้นจริงแล้ว แต่บิ๊กเทคคัมปะนียังคงต้องทำงานอีกมากเพื่อพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อจะดึงคนให้ใช้เวลาและยอมใช้จ่ายในเมตาเวิร์สมากกว่านี้

มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก แห่ง Meta คือหนึ่งในบริษัทที่ทุ่มลงทุนอย่างหนักให้กับเมตาเวิร์ส ส่วนบริษัทใหญ่ที่มีแผนการเข้าสู่เมตาเวิร์สแล้ว เช่น Microsoft, Disney

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มมองว่า เมตาเวิร์สกลายเป็นประเด็นฮิตขึ้นมาส่วนหนึ่งก็เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจว่ามันจะเป็นอย่างไร ย้อนไปเมื่อเดือนมิถุนายน อีริค ชมิดต์ อดีตซีอีโอ Google ให้ข้อสังเกตว่า ‘ไม่มีข้อสรุปร่วมที่ชัดเจนว่าเมตาเวิร์สคืออะไรแน่’

ในทางเดียวกัน อีวาน สปีเกล ซีอีโอบริษัท Snap ก็มองว่าไอเดียการสร้างเมตาเวิร์สนั้นยัง “คลุมเครือและยังเป็นทฤษฎี” แทนที่จะไปมุ่งด้านเมตาเวิร์ส เขาจึงวางแผนให้บริษัทพัฒนา Augmented Reality (AR) เสียมากกว่า ซึ่งเทคโนโลยีนี้คือการผสานภาพและส่วนประกอบจากโลกเสมือนเข้ากับโลกจริง

ทิม คุก เองก็เป็นหนึ่งในคนที่หนุนหลัง AR ทำให้ Apple มีการพัฒนาแว่นตา AR/VR ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่ตลาดได้ในปี 2023 “อนาคตของ AR จะไปได้ไกลกว่าทุกวันนี้มาก…มากๆ” คุกกล่าวกับสำนักข่าว Bright

“ผมคิดว่า AR จะเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีผลกระทบกับทุกสิ่งทุกอย่าง” คุกกล่าว “ลองจินตนาการว่าวันหนึ่งคุณสามารถสอนนักเรียนด้วย AR ใช้สิ่งนี้สาธิตการทำงานของสิ่งต่างๆ หรือว่านำ AR ไปใช้ทางการแพทย์ วันนั้นเราคงจะต้องมองกลับไปและคิดว่าเราเคยอยู่โดยไม่มี AR ได้อย่างไร”

การสัมภาษณ์ของคุกครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่เขาเดินทางทัวร์ยุโรป โดยเขาแวะไปทั้งอังกฤษ เยอรมนี และไปปาฐกถาในพิธีรับปริญญาที่ University of Naples Federico II ที่อิตาลีด้วย ในการถามตอบที่งานครั้งนั้น เขายังเน้นย้ำถึง AR ด้วยว่า เขามองว่า AR จะเป็นเหมือนอินเทอร์เน็ต คือผู้คนจะหันมาใช้งานมากขึ้นอย่างช้าๆ และสุดท้ายจะใช้ชีวิตโดยไม่มีมันไม่ได้

“ในอนาคต เราจะมองกลับไปในอดีตและคิดว่าตัวเราใช้ชีวิตมาได้อย่างไรโดยไม่มี AR” คุกกล่าว “เหมือนกับวันนี้ที่เราถามตัวเองว่า ‘คนเราโตมาได้อย่างไรในยุคที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตนะ?’” คุกกล่าว

Source