Meta ขอชี้แจง! เงินลงทุนส่วนใหญ่ยังไปที่ “โซเชียลมีเดีย” ไม่ได้ทุ่มให้ “เมตาเวิร์ส” เป็นหลัก

Meta เมตาเวิร์ส
(Photo: Meta)
เสียงวิจารณ์หนาหูตั้งแต่ Mark Zuckerberg ประกาศทิศทางบริษัทเข้าสู่โลก “เมตาเวิร์ส” จนล่าสุดเจ้าตัวชี้แจงว่าเงินลงทุนส่วนใหญ่กว่า 80% ของบริษัทยังคงให้กับแอปฯ “โซเชียลมีเดีย” ในฐานะธุรกิจหลัก ตอบโต้ความกังวลของตลาดที่มองว่าเขาหมดความสนใจ Facebook หรือ Instagram ไปแล้ว

“ประมาณ 80% ของเงินลงทุนของเรา กว่า 80% เลยถูกใช้ไปกับธุรกิจหลักที่เราเรียกว่า ‘family of apps’ หมายถึง Facebook, Instagram และ Whatsapp รวมถึงธุรกิจโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชันเหล่านี้ จากนั้นอีกเกือบ 20% ของเงินลงทุนจึงจะลงให้กับ Reality Labs” Mark Zuckerberg กล่าวในงานประชุม New York Times Dealbook เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2022

ทั้งนี้ Reality Labs หมายถึงเซ็กเมนต์ใหม่ของบริษัทที่ใช้ในการวิจัยและพัฒนาด้าน “เมตาเวิร์ส”

“ดังนั้น สิ่งที่เราทำอยู่ส่วนใหญ่ และจะยังคงทำต่อไป คือการมุ่งเน้นกับโซเชียลมีเดียไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าเมตาเวิร์สจะกลายเป็นเทรนด์ที่ใหญ่กว่านี้”

ตั้งแต่ปีก่อนที่ Zuckerberg ประกาศการรีแบรนด์ที่น่าแปลกใจจากชื่อบริษัท Facebook สู่ Meta บริษัทก็เริ่มทุ่มเงินมหาศาลให้กับเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส มีการรายงานว่า Reality Labs ขาดทุนไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7 แสนล้านบาท) ตั้งแต่เริ่มแผนกนี้เมื่อปีก่อน

ผลขาดทุนนั้นยังคงทับถมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดตรงไหน ทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มกังวลว่า Zuckerberg สูญเสียความมุ่งมั่นที่จะรักษาธุรกิจแกนหลักของบริษัทอย่างโซเชียลมีเดียไปแล้ว แลกกับการมองโครงการระยะยาวอย่างเมตาเวิร์สซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเริ่มให้ผลตอบแทนทางการเงินได้

“คุณจะถกเถียงกันก็ได้ว่าเงินลงทุน 20% ก็ยังมากเกินไปที่จะเสี่ยงกับโครงการนี้ แต่ขอให้รู้ว่าโครงการนี้ไม่ใช่แกนหลักที่เรากำลังทำ” Zuckerberg กล่าว

เขายังแจกแจงด้วยว่าเงินทุนที่ให้ Reality Labs นำไปใช้จ่ายกับอะไรบ้าง โดยบอกว่า 40% ของทุนนำไปลงกับเรื่องแว่น VR และ 50% ลงทุนกับโครงการที่จะเป็นเรื่องระยะยาวกว่านั้น นั่นก็คือ “แว่นหน้าตาธรรมดาที่จะสร้างภาพโฮโลแกรมซ้อนขึ้นในโลกจริง”

แม้ว่าจะมีแรงต่อต้านมากมายต่อทิศทางบริษัท แต่ Zuckerberg ยังมีความมั่นใจในการใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อลงทุนกับเมตาเวิร์ส

“เราไม่ได้จะอยู่ที่นี่ในทศวรรษ 2030s แล้วสื่อสารกันด้วยอุปกรณ์การสื่อสารเดิมๆ เหมือนกับที่เรามีวันนี้ ถ้าใครสักคนสร้าง ลงทุน และเชื่อในเทคโนโลยี จะมีเทคโนโลยีใหม่อีกมากที่ต้องการการประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา ดังนั้น ผมยังคงมองบวกกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น” Zuckerberg กล่าว

Source