ฟันธง 5 เทรนด์ธุรกิจปี 2023 ที่ทุกองค์กรต้องเตรียมตัวให้พร้อม!

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา องค์กรธุรกิจต่างต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่และได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของ COVID-19 การรุกรานยูเครนของรัสเซีย การพัฒนาเทคโนโลยีที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น แน่นอนผลพวงจากปัจจัยต่าง ๆ จะลากยาวจนถึงปี 2023 นี้ ดังนั้น นี่คือ 5 แนวโน้มที่จะส่งผลกระทบมากที่สุดในการทำงานและทำธุรกิจในปีนี้

การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เร่งให้องค์กรทรานส์ฟอร์ม

ในปี 2023 เราจะเห็นความต่อเนื่องของนวัตกรรมและการพัฒนาในเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) Internet of Things (IoT), VR/AR, คลาวด์คอมพิวติ้ง, บล็อกเชน และ 5G ขณะที่เทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้ทำงานแยกจากกันอีกต่อไป ดังนั้น เส้นแบ่งของแต่ละเทคโนโลยีจะหายไป เกิดเป็นโซลูชันใหม่ ๆ ที่ช่วยยกระดับซึ่งกันและกันได้ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เราเข้าใกล้จุดที่จะสามารถสร้าง องค์กรอัจฉริยะ

เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนี้ ธุรกิจต้องแน่ใจว่าได้วางรากฐานทางเทคโนโลยีที่เหมาะสมไว้ตลอดกระบวนการและในทุกส่วนของการดำเนินงาน เพราะเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการสร้างผลกระทบต่อธุรกิจและอุตสาหกรรม ทั้งช่วยให้การขายและการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การบริการลูกค้าที่ดีขึ้น ซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น สินค้าและบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น ขณะที่ในปี 2023 นี้ การเข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ก็ง่ายขึ้นกว่าเดิม อาทิ AI และบล็อกเชน มีให้บริการในรูปแบบ as-a-service ผ่านระบบคลาวด์ ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องทำเอง

เพิ่มความยืดหยุ่นสู้ปัญหาเงินเฟ้อและซัพพลายเชน

แนวโน้มเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในปี 2023 นั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อ จะดำเนินต่อไปและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง หลายอุตสาหกรรมยังคงประสบปัญหาด้าน ซัพพลายเชน ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการปิดระบบทั่วโลกที่เกิดจาก COVID-19 และยิ่งแย่ลงไปอีกเนื่องจากสงครามในยูเครน เพื่อต่อสู้กับสิ่งนี้และอยู่ให้รอด บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องปรับปรุง ความยืดหยุ่น ของบริษัทในทุกวิถีทางที่ทำได้

ไม่ว่าจะเป็นการลดความเสี่ยงต่อการกำหนดราคาสินค้าโภคในตลาดที่ผันผวน การสร้างมาตรการป้องกันในซัพพลายเชนเพื่อจัดการกับปัญหาการขาดแคลนและต้นทุนด้านโลจิสติกส์ที่เพิ่มขึ้น เช่น หาซัพพลายเออร์ทางเลือกและพึ่งพาตนเองให้มากขึ้น

ความยั่งยืน

หลายปีมานี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกกำลังตื่นตัวมากขึ้นในเรื่องของ ความยั่งยืน เนื่องจากต้องประสบกับภัยพิบัติจากสภาพอากาศที่สร้างความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่งที่เคยประสบในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ส่งผลให้ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมกลายเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคใส่ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และใช้เป็นหนึ่งในปัจจัยในการเลือกตัดสินใจว่าจะซื้อหรือทำธุรกิจด้วยหรือไม่

ดังนั้น ในปี 2023 นี้องค์กรจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการวางกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยเริ่มต้นจากสิ่งที่องค์กรสร้างผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม จากนั้นจึงย้ายไปที่การเพิ่มความโปร่งใส การรายงาน และความรับผิดชอบ และแผนการต้องมีเป้าหมายและกรอบเวลาที่ชัดเจน

Photo : Shutterstock

สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าดื่มด่ำ

หลังจากที่ต้องใช้เวลาอยู่แต่บ้านเป็นปี ๆ ทำให้ลูกค้าต้องการประสบการณ์เหนือสิ่งอื่นใด แต่ก็ไม่ได้แปลว่าราคาและคุณภาพจะเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญน้อยลง ทั้งสองอย่างยังคงมีบทบาทในระดับหนึ่งในการที่ลูกค้าได้สัมผัสกับกระบวนการเลือกซื้อ และเพลิดเพลินกับสินค้าและบริการที่ใช้จ่ายเงินไป รวมถึงบริการหลังการขายที่ดี

ดังนั้น จุดสำคัญที่แบรนด์ต้องเน้นก็คือ ดื่มด่ำกับประสบการณ์ (Immersion) และ การโต้ตอบ (Interactivity) ที่น่าสนใจคือในบางบริษัท เช่น Adobe และ Adweek เริ่มมีตำแหน่งงาน CXO (Chief Experience Officers) เพื่อวางแผนกลยุทธ์ในการร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ Metaverse จะเป็น ขั้นถัดไป ที่แบรนด์และใช้เพิ่มประสบการณ์ให้กับลูกค้า อาทิ ร้านค้าออนไลน์ที่ลูกค้าสามารถดูและลองเสื้อผ้า เครื่องประดับในรูปแบบเสมือนจริงได้ ที่ผ่านมาก็มีแบรนด์อย่าง Hugo Boss และ Walmart ที่ใช้เทคโนโลยี AR มาช่วยให้ลูกค้าลองเสื้อผ้า

ภาพจาก virtualspatialsystems.com

ความท้าทายในการรักษา Talent

ในปีที่ผ่านมา เราได้เห็น การลาออกครั้งใหญ่ และ การลาออกอย่างเงียบ ๆ เนื่องจากพนักงานเริ่มประเมินผลกระทบของงานและสิ่งที่พวกเขาต้องการได้รับเทียบกับความต้องการในชีวิตอย่างจริงจังมากขึ้น และสิ่งนี้ก็กำลังสร้างแรงกดดันต่อองค์กรในการหาจุดดึงดูดแรงงาน ไม่ว่าจะเป็น ความยืดหยุ่น ของการทำงาน สภาพแวดล้อมการทำงานที่น่าดึงดูด และ วัฒนธรรมองค์กร ที่พร้อมมอบโอกาสในการเติบโตและเรียนรู้

ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เร่งตัวขึ้นนำไปสู่ระบบอัตโนมัติในที่ทำงานมากขึ้น ซึ่งหมายถึง การพัฒนาทักษะใหม่ (Re-skilling) และ การยกระดับทักษะ (Up-skilling) ให้กับคนในองค์กร ตลอดจนการสรรหาบุคลากรใหม่ที่มีทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต อาทิ Data science, AI และสาขาเทคโนโลยีอื่น ๆ

นอกจากนี้ ก็ต้องพัฒนาทักษะอื่น ๆ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิพากษ์ การสื่อสารระหว่างบุคคล ความเป็นผู้นำ และการมีความเห็นอกเห็นใจ ควบคู่ไปด้วย

Source