จากปรากฏการณ์ความโด่งดังของเพลง “นะหน้าทอง” ของศิลปิน “โจอี้ ภูวศิษฐ์” ที่ได้รับรางวัลมิวสิควิดีโอยอดนิยมอันดับ 1 ในยูทูปประจำปี 2022 (162 ล้านวิว ณ วันที่ 23 ม.ค. 2566) และเป็นชื่อเพลงที่ถูกค้นหามากที่สุดในกูเกิล จนมาถึงเพลง “ทรงอย่างแบด” ของ 2 หนุ่ม “Paper Planes” “ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ” และ “เซน-นครินทร์ ขุนภักดี” กับดนตรีแนว Rock Punk ผสม Emo Trap ที่มียอดชมในยูทูปสูงกว่า 60 ล้านวิว (ข้อมูล ณ วันที่ 23 ม.ค. 2566) กลายเป็นไวรัล และโด่งดังทั่วประเทศจากทุกโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์ม และข่าวหน้า 1 เกือบทุกสำนัก จนได้รับฉายาว่าหัวหน้าแก๊งฟันน้ำนม และขยายกลุ่มกว้างขึ้นเรื่อยจนกลายเป็นขวัญใจคนทั้งประเทศ ปลุกอุตสาหกรรมเพลงไทยในเวฟใหม่ให้คึกคักสุดๆ
ฉายภาพอาณาจักรเพลงร็อกของ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ที่ครองส่วนแบ่ง segment นี้ในตลาดมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ปี 2565 มีการปล่อยเพลงในส่วนของศิลปินร็อก ประมาณ 140 เพลง สามารถกวาดรางวัลทางดนตรีอย่างมากมาย ทั้งระดับนานาชาติและในประเทศ เฉพาะปี 2565 คว้ามาได้ ถึง 18 รางวัลรวมกัน เช่นรางวัล MAMA ที่ Tilly Birds ได้รับสาขา Best Asian Artist, รางวัล Adman Awards & Symposium, รางวัล The Guitar Mag Awards, JOOX Thailand Music Awards, Season Awards เป็นต้น
โดยกำลังสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานมาจาก 2 ค่ายเพลงในสังกัด คือ genie records และ Gene Lab ที่มีศิลปินรวมกันมากกว่า 50 วง อาทิ บอดี้ สแลม, บิ๊กแอส, โปเตโต้, ปาล์มมี่, ค็อกเทล ฯลฯ โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้เกิด new wave ของกลุ่มศิลปินร็อกเจเนอเรชั่นใหม่ที่เติบโตขึ้นมาอย่างโดดเด่น คือ Three Man Down, Tilly Birds, Taitosmith, โจอี้ ภูวศิษฐ์ และ Paper Planes
กระแสของกลุ่ม “New Generation of Rock” นี้ได้สร้างตัวเลขการเติบโตบนแพลตฟอร์มต่างๆให้กับ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อย่างมีนัยสำคัญ โดยเปรียบเทียบจากปี 2564 – 2565
- Youtube views 2,500M views (ใน segment เพลงร็อก) เติบโตขึ้น 15% และยอดการรับชม (Watch time) เติบโตขึ้น 10%
- Social Media 22M followers (รวมกันทุกช่องทางจาก genie records, Gene Lab) เติบโตขึ้น 10%
- แฮชแท็กใน Tik Tok เกิดขึ้นถึง 1,430M# จากเพลง #นะหน้าทอง และ #ทรงอย่างแบด
- Physical product เช่น CD, Boxset, Merchandise ของศิลปินกลุ่มร็อก ได้รับการสนับสนุนเป็น อย่างดีจากแฟนคลับ
ตลอดจนการเติบโตทางด้านรายได้จากส่วนการบริหารงานศิลปิน โดยคุณนรมน ชูชีพชัย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาด จีเอ็มเอ็ม มิวสิก ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เรามองว่ากระแสความนิยมในตัวศิลปินนั้น มาจากองค์ประกอบหลายส่วน ทั้งผลงานที่มีคุณภาพทั้งเพลงและภาพ การเข้าถึงกลุ่มคนฟังในทุกมิติและทุกช่องทาง ตัวตนที่ชัดเจนของศิลปิน ความจริงใจ ความมีวินัย ความเข้าใจตลาดเพลง ตลอดจนกลยุทธ์ทางการตลาด และความต้องการของตลาด ณ ช่วงเวลานั้นๆ อีกส่วนที่สำคัญคือการมีงานโชว์อย่างสม่ำเสมอ ได้พบปะแฟนเพลงคือการสร้างฐานแฟนได้อย่างยั่งยืน สำหรับกระแสความนิยมในกลุ่มร็อก นิวเจนฯ นี้ นอกจากดันตัวเลขการเติบโตในแพลตฟอร์มต่างๆ แล้ว ในส่วน Artist Management ทั้งด้าน งานแสดง งาน Presenter, Influencer ต่างๆก็โตขึ้น เรามีโอกาสได้ร่วมงานกับสินค้ามากมาย ในรูปแบบการทำ Music Marketing Campaign หลากหลาย Category ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เกมส์ อาหาร ขนม เครื่องดื่ม ไปจนถึงสินค้าในบ้าน เช่น YAMAHA, Rubber Soul, Thai Honda, BLEND285 Signature, โตโยต้า, ลีโอ, เนสกาแฟ, Rockstar เป็นต้น ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างสดใส จนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ค่ะ”
ทางด้านผู้บริหารหน่วยงานร็อก คุณพูนศักดิ์ จตุระบุล หรือ “อ๊อฟ Big Ass” กล่าวถึงความสำเร็จในช่วงเวลานี้ว่า “ดีใจและยินดีด้วยกับความสำเร็จจาก ร็อกเลือดใหม่ของ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ทั้งที่เพิ่งแจ้งเกิดอย่าง Paper Planes ,โจอี้ ภูวศิษฐ์ จากค่าย genie records และที่สำเร็จโดดเด่นมาหลายปีแล้วอย่าง Three Man Down, Tilly Birds และ Taitosmith จากค่าย Gene Lab รู้สึกภูมิใจกับน้องๆทุกคน เพราะมันเป็นความสำเร็จที่เกิดจากความพยายามของเขาเอง มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน คนทั่วไปอาจจะได้เห็นแค่ตอนที่สำเร็จแล้ว แต่ก่อนหน้านั้น น้องๆทุกวงต้องต่อสู้ฝ่าฟันอะไรกันมามากมายจริงๆ เชื่อได้เลยว่ามันจะเป็นความสำเร็จที่ยั่งยืนเพราะเขาเดินได้ด้วยขาของตัวเอง และต้องยกเครดิตให้กับทีมค่าย ทีมโปรโมทด้วย ที่ทำงานหนักมากๆตลอดสามสี่ปีที่ผ่านมา จนเราได้เห็นกระแสเพลงร็อก กลับมาคึกคักอีกครั้ง และในปีนี้ ในฝั่งร็อกของเรายังมีศิลปินหน้าใหม่เข้าแถวรอปล่อยผลงานให้ทุกคนพิสูจน์อีกหลายเบอร์ รวมไปถึงวงรุ่นพี่ๆ ที่จะกลับมาปล่อยผลงานใหม่กันอย่างต่อเนื่อง ฝากแฟนเพลงทุกคนติดตามและขอบคุณมากๆที่สนับสนุนกันตลอดมาครับ”
ต้องคอยติดตามต่อไปว่าในปี 2566 นี้จะมีการสร้างปรากฏการณ์อะไรใหม่ๆจากกลุ่ม “New Generation of Rock” ของ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่