กำไร ‘โตโยต้า’ ลดลง 18% เนื่องจากเจอปัญหา ‘ต้นทุน’ ทำพิษโดยเฉพาะชิปที่ขาดแคลน

แม้ โตโยต้า (Toyota) จะยังรักษาแชมป์ค่ายรถเบอร์ 1 ของโลกปี 2022 ด้วยยอดขายเกือบ 10.5 ล้านคัน แต่ด้วยปัญหาขาดแคลนชิปที่ผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลกต่างต้องเผชิญเหมือน ๆ กัน บวกกับปัญหาเงินเฟ้อและเงินเยนอ่อนค่า ทำให้ต้นทุนของบริษัทสูงขึ้นจนกระทบกับผลกำไร

แม้โตโยต้าจะรักษาอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์ทั่วโลก 3 ปีซ้อน แต่เนื่องจาก เงินเยนที่อ่อนค่า ในขณะที่ ราคาวัสดุพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะ ชิปที่ขาดแคลน ได้ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของโตโยต้าอย่างมาก โดยผลประกอบการรวม 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ (เม.ย. 2022-ธ.ค. 2022) อยู่ที่ 27.5 ล้านล้านเยน เติบโตขึ้น 18% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

แม้รายได้จะเติบโตแต่กำไรกลับไม่โตตาม โดยโตโยต้ามี กำไรสุทธิ 1.89 ล้านล้านเยน ลดลง 18% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบประมาณก่อน นับเฉพาะไตรมาส 3 (ต.ค.-ธ.ค) กำไรลดลง 8% อยู่ที่ 7.27 แสนล้านเยน ลดลงจาก 7.91 แสนล้านเยนในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ โตโยต้ายังคงเป้ากำไรสุทธิทั้งปีงบประมาณ (ที่สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2023) ที่ 2.36 ล้านล้านเยน หรือ ลดลง 17.2%

“ผู้แทนจำหน่าย ซัพพลายเออร์ และโรงงานผลิตทำงานหนักภายใต้สถานการณ์ที่แผนการผลิตผันผวนอย่างมากเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และภัยธรรมชาติ กำลังรับภาระจากซัพพลายเออร์ของเราที่เกิดจากราคาวัสดุและพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น เพื่อให้กิจกรรมเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันได้” โตโยต้า ระบุ

เซอิจิ ซุงิอุระ นักวิเคราะห์อาวุโสของสถาบันวิจัยโตไก โตเกียว มองว่า โตโยต้ายังอยู่ในสถานะที่ดีกว่าแบรนด์คู่แข่ง เนื่องจากบริษัทนั้น มีอำนาจต่อรองสูง กับซัพพลายเออร์ชิ้นส่วน นอกจากนี้ การตัดสินใจของจีนที่จะยุตินโยบายปลอดโควิดและอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ถือเป็นปัจจัยบวกเช่นกัน ดังนั้น แนวโน้มยอดขายรถยนต์จึงเป็นไปในทิศทางที่ดี

ในเดือนมกราคมปี 2023 โตโยต้าตั้งเป้าหมายการผลิตที่มั่นใจที่ 10.6 ล้านคัน ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมา และสูงปี 2019 ที่มียอดผลิต 9 ล้านคัน ถึงจะวางเป้าไว้สูง แต่ปัญหาขาดแคลนชิปอาจทำให้ยอดการผลิตอาจหายไป 10% จากเป้าหมาย