ย้อนไปช่วงประมาณวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา ทางการสหรัฐฯ ได้ตรวจพบ “บอลลูนสอดแนมของจีน” ลอยอยู่เหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ จนกระทั่งวันที่ 4 ก.พ. ทางกองทัพสหรัฐฯ ก็ได้ยิงบอลลูนต้องสงสัยดังกล่าว ก่อนที่จะส่งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดของกองทัพเรือไปเก็บกู้ เพื่อดูว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์สอดแนมจริงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม หลังจากเอฟ-22 ของกองทัพอเมริกันยิงบอลลูนต้องสงสัยดังกล่าว ทางสำนักงานอุตสาหกรรมและความปลอดภัยของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ก็ได้ประกาศ มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกรอบใหม่ โดยพุ่งเป้าไปที่ บริษัทการบินและอวกาศของจีน 6 แห่ง ซึ่งสหรัฐฯ เชื่อว่าสนับสนุนโครงการบอลลูนสอดแนมของกองทัพจีน
“การใช้บอลลูนในระดับความสูงของจีนละเมิดอำนาจอธิปไตยของเราและคุกคามความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ การกระทำในวันนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าหน่วยงานที่พยายามทำร้ายความมั่นคงและอำนาจอธิปไตยของชาติของสหรัฐฯ จะถูกตัดขาดจากการเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐฯ” อลัน เอสเตเวซ ปลัดกระทรวงการพาณิชย์เพื่ออุตสาหกรรมและความมั่นคงกล่าว
มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่นี้สะท้อนถึงการเน้นย้ำของรัฐบาลในสัปดาห์นี้ต่อโครงการตรวจตราเรือเหาะไร้คนขับของจีน และการคว่ำบาตรนี้จะส่งผลให้การส่งออกเทคโนโลยีของสหรัฐฯ แก่ทั้ง 6 บริษัท ทำได้ยากมากขึ้น โดยตั้งแต่สมัยอดีต ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ใช้มาตรการคว่ำบาตรบริษัทของจีนที่สงสัยว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ
“การกระทำในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามร่วมกันของเราในการระบุและขัดขวางการใช้บอลลูนเฝ้าระวังของจีน ซึ่งละเมิดน่านฟ้าของสหรัฐฯ และอีกกว่า 40 ประเทศ” Matthew Axelrod ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการพาณิชย์เพื่อการบังคับใช้การส่งออก กล่าว
อย่างไรก็ตาม ด้านประเทศจีน ได้ออกมายืนยันว่า บอลลูนดังกล่าว เป็นของพลเรือน และพลัดหลงเข้ามาในสหรัฐฯ เนื่องจากเหตุสุดวิสัย