“มาดามตวง” ชื่อนี้ น่าจะเป็นชื่อที่การันตีได้ถึงคุณภาพของสิ่งที่ทำ ที่สะท้อนไปถึงผลงานที่ออกมาด้วยเช่นกัน จากบุคลิกของการเป็นกรรมการตัดสินในรายการแข่งขันการทำอาหารชื่อดัง ที่ให้ความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาถึงรสชาติอาหารของผู้เข้าร่วมแข่งขัน ด้วยการที่ได้สั่งสมความรู้ ความชำนาญ ตลอดจนเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการทำอาหาร จนกลายมาเป็นประสบการณ์ที่พอกพูนกับตัวเธอมาตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี
ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังมีรายการอาหารที่เธอได้แชร์ความรู้และประสบการณ์ เก็บสะสม CONTENT ผ่าน แพลทฟอร์ม SOCIAL MEDIA แทบทุกแพลทฟอร์มที่เป็นที่นิยม โดยอาหารที่เธอแชร์มากกว่า 500 เมนู ล้วนแล้วแต่เป็น เมนู ที่เน้นคุณภาพ เพราะเชื่อว่า ถ้าเรารักใคร เราก็อยากให้เขาได้กินของดี มีคุณภาพ และยังมี Class Cooking online ที่จะเริ่มในเร็วๆ นี้ ร่วมกับ เชฟกูรู ในวงการอีกด้วย
จนมาวันนี้ เธอตัดสินใจ ทำผลิตภัณฑ์ของเธอเอง ด้วยการเริ่มต้นจากการเจาะตลาดเครื่องปรุงรส เพราะเธอเชื่อว่า ตลาดเครื่องปรุงรสที่เน้นเรื่องของคุณภาพมากกว่าราคา ยังมีช่องว่างให้สามารถแทรกตัวเข้าไปได้อยู่ อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะถึงอย่างไร คนก็ยังต้องใช้เครื่องปรุงรสประกอบอาหาร เพียงแต่ต้องเข้าในตลาดที่เหมาะสมกับตัวสินค้า
“เราเห็นช่องว่างของตลาดเครื่องปรุงรสในระดับบน หรือ ตลาดที่เน้นคุณภาพ เช่น ไม่ใส่สารกันบูด ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใช้สารปรุงแต่งสังเคราะห์ ที่คนให้ความสนใจกับเรื่องคุณภาพมากกว่าราคา เห็นได้จากกระแสการตื่นตัวของผู้บริโภคที่เน้นและใส่ใจในเรื่องสุขภาพของตนเองเป็นหลักในช่วงที่ผ่านมา”
จับมือ “ง่วนเชียง” ผุดผลิตภัณฑ์ มาดามตวง เปิดตัว เช็ทคู่ครัว “ซีอิ๊ว – ซอสปรุงรส – ซอสหอยนางรม”
กว่า 30 ปีที่มาดามตวงมีบริษัทดูแลสินค้าส่งออกสินค้าอาหารสำเร็จรูปจากประเทศไทยไปต่างประเทศโดยมีคู่ค้าอยู่ทั่วโลก ในชื่อของ บริษัท ทีจีเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยมี ง่วนเชียง เป็นคู่ค้าและเป็นซัพพลายเออร์หนึ่ง ที่ดำเนินธุรกิจด้วยกันมานาน และได้รับความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพมานานทั้งในและนอกประเทศ โรงงาน ง่วนเชียง อุตสาหกรรมอาหาร ตั้งขึ้นมากว่า 110 ปี ดังนั้นเมื่อมาดามตวงได้ร่วมงานกับโรงงานผู้ผลิตที่ดี จึงผุดเป็นไอเดีย และจับมือกันในการทำสินค้าที่เน้นเรื่องคุณภาพ เปิดเป็นบริษัทร่วมทุน ชื่อ บริษัท ตวงมีอร่อย จำกัด
ผลิตภัณฑ์ มาดามตวง ที่เกิดขึ้นในกลุ่มแรกที่เปิดตลาด ใช้กลยุทธคือ เปิดตัวพร้อกันทีเดียว 4 ตัว คือ ซีอิ๊วขาว คีโต, ซอสปรุงรส, ซอสหอยนางรม และน้ำจิ้มสุกี้ โดยทั้ง 4 ตัวนี้ สร้างความแตกต่างด้วยการใส่ “คุณค่า” และ “คุณภาพ” ลงไปในผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เป็นจุดเด่น และเจาะตลาดกลุ่มเป้าหมายที่เน้นความใส่ใจในสุขภาพเป็นหลัก
• ซีอิ๊วขาว เป็นซีอิ๊วขาว คีโต ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากงาดำ
• ซอสปรุงรส มีส่วนผสมของ วิตามินบี
• ซอสหอยนางรม มีส่วนผสมของสังกะสี
• และน้ำจิ้มสุกี้ เป็นสูตรที่ผสมระหว่าง กวางตุ้งและ
“จะสังเกตได้ว่า ทุกตัวเป็นคีโตทั้งหมด และมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ไม่ใส่ผงชูรส ไม่มีสารกันบูด ไม่ปรุงแต่งกลิ่นสีด้วยสารสังเคราะห์ ไม่ใส่น้ำตาล และซีอิ๊วหมักจากธรรมชาติ โดยมีส่วนผสมของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะเราเชื่อว่า ถ้าเราได้กินอะไรที่มีคุณภาพ เราก็อยากให้คนอื่น กินของที่มีคุณภาพด้วยเช่นกัน”
ตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดเครื่องปรุงรสกลุ่มบนเน้นคุณภาพ
การต่อยอดด้วยการบุกตลาดเครื่องปรุงรส ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 10,000 ล้านบาทในครั้งนี้ ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่า ขอเป็นผู้นำในตลาดเครื่องปรุงรสในระดับบน ซึ่งปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งก็ทำให้เห็นได้ว่า เป็นอีกทางเลือกจากผู้ประกอบการไทยที่มีคุณภาพทัดเทียมจากต่างประเทศได้ชัดเจน
นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ 4 ตัวที่ส่งเป็นกลุ่มแรก เพื่อเจาะตลาดคุณภาพแล้ว ยังได้มีการวางแผนที่จะทยอยออกผลิตภัณฑ์ในกลุ่มประเภทอาหารอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เติมเต็มในกลุ่มประเภทเครื่องปรุงรสให้ครบประเภท เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่เน้นและให้ความสนใจในการรักษาสุขภาพของตัวเองและครอบครัว เป็นหลัก
ข้อมูลจากศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่าปัจจุบันคนไทยบริโภคซอสและเครื่องปรุงรสเฉลี่ย 5.8 กิโลกรัมต่อคนต่อปี เป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตทุกปีตามเทรนด์อุตสาหกรรมอาหารในไทย โดยเป็นสินค้าที่จำหน่ายในประเทศสัดส่วน 65% และส่งออกต่างประเทศ 35%