4NOLOGUE ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ชูกลยุทธ์ภายใต้วิสัยทัศน์ ART OF ENTERTAINMENT ทุ่มงบ 900 ล้านบาท สร้าง ECOSYSTEM ขับเคลื่อนธุรกิจเต็มรูปแบบ

นายอนุวัติ วิเชียรณรัตน์ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง 4NOLOGUE บริษัทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ครบวงจรกล่าวว่า ธุรกิจอีเวนท์เป็นธุรกิจที่มีความอ่อนไหวกับสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง และภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่คงไม่มีสถานการณ์ใดจะเลวร้ายเท่ากับ COVID-19 เพราะถึงวันนี้ธุรกิจอีเวนท์ก็ยังได้รับผลกระทบแบบลากยาวจนถึงปัจจุบัน แม้ช่วงที่ผ่านมา“4NOLOGUE” เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบเต็มๆ แต่กลับไม่หยุดนิ่งในช่วงวิกฤต  ใช้ช่วงเวลานี้สร้างความพร้อมองค์กรในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะการทุ่มเม็ดเงิน เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์สร้างโมเดลธุรกิจใหม่เป็นไฮบริดเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ รองรับวิถีใหม่หรือนิวนอร์มอล เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มของ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น และพร้อมรองรับรูปแบบการทำงานในวิถี ไฮบริด เวิร์ค (Hybrid Work) สู่การเป็น Entertainment ครบวงจร และครอบคลุมการตลาดครบทุกช่องทางมากที่สุด

การบริหารความเสี่ยง – สร้าง Ecosystem – เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในระยะยาว

นอกจากนี้ “4NOLOGUE”ยังบริหารความเสี่ยงด้วยการกระจายพอร์ตธุรกิจเพิ่มในยูนิตของธุรกิจโดยแบ่งธุรกิจออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนเซอร์วิส ยูนิต (Service)สื่อโฆษณา รับจ้าง อีเว้นท์ ออแกไนเซอร์ และในส่วนครีเอเตอร์ ยูนิต (Creator) เกิดจากการสร้างสรรค์ คอนเสิร์ตที่มีแพลตฟอร์มทั้งออนกราวด์ และออนไลน์รูปแบบใหม่ในลักษณะไฮบริดเอ็นเตอร์เทนเม้นต์โดยบริหารธุรกิจด้วยรูปแบบการสร้าง Ecosystem ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว เพื่อปรับตัวและพัฒนา เสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว ทำให้ “4NOLOGUE” มีศักยภาพที่จะขยายธุรกิจได้แบบก้าวกระโดด

Core Value ภายใต้หลัก – Premium Content และ Premium Business 

ขณะเดียวกัน “4NOLOGUE ” ยังขับเคลื่อนองค์กรด้วยCore Value หรือ ค่านิยมองค์กรมาเป็นหลักในการปฏิบัติงาน เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างกรอบความคิดและวิถีปฏิบัติสำคัญที่ช่วยให้ Passion พนักงานมากกว่า 100 คนเต็มเปี่ยมมากยิ่งขึ้น ดึงศักยภาพสร้างสรรค์ผลงานให้ดีอย่างสุดความสามารถ ช่วยสร้างวัฒนธรรมขององค์กรที่ดี การสร้าง mindset ร่วมกันกับทุกคนในองค์กรให้มองไปที่ภาพเดียวกัน อย่างเช่น การต่อยอดทางความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ, มีจุดมุ่งหมายในการทำงานที่ชัดเจน หรือการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค เพื่อให้เกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนใช้ร่วมกันได้เป็นอย่างดี เนื่องจากหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องแข่งขันด้านคุณภาพ ธุรกิจ Service มุ่งเน้นการมอบสิ่งที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุดให้กับทุกภาคส่วน ทั้งกลุ่มลูกค้า คู่ค้า และ Enduser  โดยสร้างสรรค์สิ่งใหม่อย่างรู้จริง  ถูกต้อง รวดเร็ว ภายใต้หลัก Premium Content  และ Premium Business

เป้าหมายสำคัญการทำงานของ“4NOLOGUE”

ปีนี้ “4NOLOGUE” ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 16 ธุรกิจ Creator ยูนิตก็ยังคงมีบิ๊กโปรเจ็กต์ เพื่อกลับมารันวงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์ไทยไปสู่ระดับสากลอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงถึงศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่ และเมื่อผลงานปรากฏให้เห็นชัดก็ไม่ทำให้คนผิดหวัง  ทุกโชว์ “4NOLOGUE”จะใส่ใจทุกรายละเอียดเรื่องมุมกล้องและโปรดักชั่น ให้ผู้ชมที่ชมการแสดงทั้งออนกราวด์ และดูออนไลน์ได้สนุกและมีส่วนร่วมกับคอนเสิร์ตมากที่สุด เพราะทุกการแสดง ไม่ใช่แค่เรื่องของยอดการจำหน่ายบัตรเท่านั้น แต่มีเรื่องของยอด Engagementเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การยอมรับจากแฟนคลับคือข้อพิสูจน์  คนที่เสพงานเพลง งานศิลปะย่อมมาจากความรู้สึกรักและชอบ รวมไปถึงความผูกพัน ยิ่งไปกว่านั้นคือการให้คุณค่ากับศิลปินดังนั้นเมื่อต้องการเป็นผู้นำ “4NOLOGUE”จึงมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานตามความเชื่อและคุณภาพที่ตั้งเป้าหมายไว้ เพื่อให้คนจดจำและยอมรับในที่สุด

 ทุ่มไม่อั้นปั้น T-POP สู่ตลาดโลก

ทุกวันนี้ศิลปินทั่วโลกมีผลงานอยู่ในแพลตฟอร์มเดียวกันเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องแข่งขันด้านคุณภาพ เพื่อเป็นการสร้างความพร้อมในการลงสนามแข่งระดับโลก และยังเป็นการขยายฐานไปสู่ผู้ฟังกลุ่มใหม่ๆ ในทั่วโลก “4NOLOGUE” ทุ่มงบ 900 ล้านบาท  สำหรับแผนการลงทุนปี 2023-2025 ปี ละ 300 ล้านบาทโดยตั้งเป้าคืนทุนตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไป  เพื่อการสร้าง Ecosystem เอ็นเตอร์เทนเมนท์ โดยมีศิลปินเป็น Flagship เนื่องจากการผลิตศิลปินต้องอาศัยคุณภาพ ต้องใช้มาตรฐานโลกกับศิลปินไทย และมีเป้าหมายที่ชัดเจน สามารถหยิบเอกลักษณ์ความโดดเด่นต่อยอดได้ ในวันที่โลกเชื่อมต่อกันได้  โดยปีนี้มีแผน

“Artist Journey” หรือการเดินทางครั้งใหม่ของศิลปินในรูปแบบของ Tour Concert ประมาณ 20 โชว์ หลังจากเหตุการณ์covid

“ศิลปินเราทุกคนต้องมีเวทีเพื่อเพอร์ฟอร์มในตลาด เราต้องพาเขาไปออกอีเว้นท์ที่ดีให้ได้ พาเขาไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ได้ ทำให้เขามีมูลค่าเพิ่ม เราจะทำงานในสิ่งที่เรามั่นใจว่าสามารถเติบโตใด้ และอีกตัวอย่างความสำเร็จที่เราเคยทำได้ตอนปลายปีที่ผ่านมาคือ OCTOPOP ที่มีผู้ชมมากกว่า 5 หมื่นคน และถูกพูดถึงใน twitter กว่า 2 ล้านครั้ง ก้าวสู่ Festival ชั้นนำของประเทศ

บิ๊กมูฟสำคัญ

นอกจากนี้ อีกบิ๊กมูฟสำคัญของ “4NOLOGUE” คือ ได้เปิดตัวบริษัท คิว โอ ดับบลิว ครีเอชั่น จำกัด หรือ “คาวว์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” ซึ่งเป็นบริษัทใหม่ในกลุ่มบริษัทโฟร์โนล็อคโดยเป็นอีกก้าวสำคัญของ เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม และ ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมือง ในบทบาทผู้บริหาร ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ

“QOW” มาจากคำว่า Quality Of Work ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ที่เห็นตรงกันในการให้ความสำคัญกับคุณภาพของงานที่จะออกมา ภายใต้แบรนด์ “QOW” โดยทาง“4NOLOGUE”พร้อมผลักดัน และสนับสนุนให้แบรนด์แข็งแกร่ง  และพร้อมที่จะเติบโตเป็นแบรนด์ที่มีมาตรฐานระดับสากล

เจเจ-กฤษณภูมิและต้าเหนิง-กัญญาวีร์กล่าวว่า“คาวว์นอกจากเป็นทั้งต้นสังกัดอย่างเป็นทางการ ดูแลทุกกิจกรรมของเจเจและต้าเหนิง ในวงการบันเทิงทั้งในไทยและต่างประเทศแล้วยังรวมถึงผลิตศิลปินเบอร์ใหม่ๆ ที่จะมีผลงานเดบิวต์ในอนาคต คาวว์ทำโปรดักชั่นที่ไม่ทับไลน์กับโฟร์โนล็อค ลูกค้าของคาวว์คือกลุ่มไฮน์เอ็น กลุ่มลักชูรี่แฟชั่น ที่เน้นเนื้องานที่เป็นพรีเมี่ยมมากๆ มีความเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งบางลูกค้ายังมอบหมายให้เราผลิตทั้งพาร์ทโปรดักชั่น รวมถึงการจ้างพรีเซนเตอร์ ซึ่งก็คือผมหรือต้าเหนิงเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วยก็มีครับนอกจากนี้ เรายังมีศักยภาพในการรองรับงานด้านมาร์เก็ตติ้ง คอนเซ้าท์ ครีเอทีฟ ที่มีความเฉพาะตัว เฉพาะด้านมากๆ เช่น ด้านแฟชั่น ด้วยความที่เราเป็นคนรุ่นใหม่ มีความสมัยใหม่ตรงนี้จึงค่อนข้างเป็นจุดแข็งเลยก็ว่าได้เพราะภาพลักษณ์ของเราทั้งสองคน และ คาวว์ ชัดเจนว่าโดดเด่นทางด้านนี้ทำให้กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความแตกต่างในตลาดก็จะเลือกใช้งานคาวว์ครับอีกหนึ่งความมุ่งหมายของคาวว์ คือการพัฒนาไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มไลฟ์ในอนาคตของคนรุ่นใหม่ให้ได้ คือถ้าพูดถึงความเป็นแฟชั่น ไอคอนิควัยรุ่น ทุกคนก็จะต้องนึกถึงคาวว์ในส่วนรายได้ของคาวว์ในปีที่ผ่านมา คาวว์สามารถทำได้ที่ 70ล้านบาท โดยแบ่งที่มาของรายรับเป็นสองส่วน60% เป็นรายได้จากพาร์ทดูแลจัดการศิลปิน และ 40% จากพาร์ทการทำโปรดักชั่น ซึ่งเราคาดว่าในปี2566 นี้ คาววน์จะมีอัตราการเติบโตเพิ่มที่ 20%”

ด้านนายอนุวัติ วิเชียรณรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมาของโฟร์โนล็อค ทำให้ผลกำไรของบริษัทฯ มีอัตราเติบโตกว่า 100% ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย เราถือเป็นกลุ่มบริษัทที่ยืนหยัดด้วยคอนเทนต์และกลยุทธิ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุดในขณะนี้ เมื่อเราผ่านช่วงวิกฤตมาได้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป ต่อจากนี้ บริษัท ยังต้องพัฒนาเพื่อศักยภาพที่ดียิ่งกว่าเดิม โดยปีนี้เชื่อว่าจากการวางคอนเทนต์ที่ครอบคลุมและครองใจกลุ่มเป้าหมายหลักจะทำให้ “4NOLOGUE”คาดการณ์ว่าในปี 2566 นี้ กำไรจากผลประกอบการจะโตขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้.”