ไต้หวัน ถือเป็นประเทศ ผู้ผลิตชิปอันดับ 1 ของโลก แค่เฉพาะการผลิตของบริษัท TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปเบอร์ 1 ของประเทศก็ครองสัดส่วนถึง 54% ของชิปทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จากความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าเทคโนโลยีที่ลดลง ทำให้ยอดผลิตชิปในปีนี้จะลดลงตาม
ตามรายงานของหน่วยงานวิจัยของรัฐบาลไต้หวัน คาดว่า ยอดการผลิตชิปขั้นสูงจะลดลง 5.6% ในปีนี้ ส่งผลให้มูลค่าลดลงเหลือประมาณ 150,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการลดลงดังกล่าวจะส่งกระทบกับภาพรวมการเติบโตของประเทศ โดยคาดว่าการเติบโตของ GDP จะลดลงจาก 2.43% ในปีที่ผ่านมาเหลือ 2%
“รัฐบาลคาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตได้ 2.75% เติบโตขึ้นจาก 2.43% ในปีที่แล้ว แต่จากการคาดการณ์ของสมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไต้หวันว่า การผลิตจะลดลง ซึ่งนั่นจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของ GDP” Darson Chiu นักวิจัยจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจไต้หวัน กล่าว
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของเศรษฐกิจไต้หวัน และไต้หวันครองส่วนแบ่งการส่งออกชิปที่ 60% ทั่วโลก ซึ่งการลดการผลิตของไต้หวัน จะส่งผลให้มูลค่าชิปทั่วโลกลดลงไปด้วย โดยคาดว่าจะลดลงประมาณ 4.1%
สำหรับสาเหตุที่ในปี 2566 เป็นปีที่ชะลอตัวสำหรับผู้ผลิตชิป เนื่องจากอุปสงค์สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกเริ่มไม่ได้มากเหมือนในช่วงที่เกิดการระบาด ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตชิปต้องชะลอการลงทุนไปด้วย
“หลังจากความเฟื่องฟูด้านอิเล็กทรอนิกส์ครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภาคส่วนนี้กำลังผ่านการปรับตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” Frederic Neumann หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียของ HSBC กล่าว