กรุงศรีฯ คาดยอดสินเชื่อรายใหญ่โตได้ 5% ในปีนี้ กังวลภาคธุรกิจไทยฟื้นตัวไม่เท่ากัน

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ประกาศทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มงานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ในปี 2566 นี้ โดยคาดว่ายอดสินเชื่อรายใหญ่จะเติบโตได้ 5% และชูกลยุทธ์ในการพาลูกค้าธุรกิจออกไปลงทุนในอาเซียนโดยอาศัยเครือข่ายของ MUFG รวมถึงประเด็นของ ESG ที่ส่งผลต่อการปล่อยสินเชื่อ  นอกจากนี้ผู้บริหารยังมีความกังวลถึงภาคธุรกิจไทยที่ฟื้นตัวไม่เท่ากันอีกด้วย

ประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจว่าในปี 2565 ที่ผ่านมา ยอดสินเชื่อเติบโตได้ที่ 2% ขณะเดียวกันก็ได้ปล่อยสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับ ESG ไปแล้วกว่า 35,000 ล้านบาท

สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2566 ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ฯ ได้กล่าวว่าทางธนาคารยังคงเดินหน้าสานต่อเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่องตามแผนธุรกิจระยะกลาง โดยตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 5% และตั้งเป้าการสนับสนุนด้าน ESG Finance อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งกลยุทธ์ในปี 2566 ของกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจของธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้แก่

  1. พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน และให้ความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าด้าน ESG Financing ในตลาดการเงินโลกร่วมกับ MUFG ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน หุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน และหุ้นกู้ ESG รวมถึงการให้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ และด้วยการตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน กรุงศรีได้จัดตั้งหน่วยงาน ที่ถือเป็น Centre of Excellence เพื่อดูแลความต้องการของลูกค้าธุรกิจรวมถึงการนำเอาองค์ความรู้จาก MUFG มาปรับใช้เพื่อเป็นประโยชน์กับลูกค้าธุรกิจในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน
  2. ชูศักยภาพด้าน Total Financing & Hedging Solutions ผ่านการนำเสนอนวัตกรรมทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยความเข้าใจในอุตสาหกรรมที่แตกต่างและหลากหลาย นอกจากนี้ธนาคารยังให้คำปรึกษา วิเคราะห์ และสนับสนุนข้อมูลเพื่อการวางแผนธุรกิจ ทั้งการขยายเครือข่ายธุรกิจ การควบรวมกิจการ (M&A) และการขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยใช้บทวิเคราะห์หรือมุมมองจาก MUFG Research รวมถึง Krungsri Research มากขึ้น ทำให้ลูกค้าเข้าใจในบริบทในการทำธุรกรรมที่มากขึ้น
  3. ผนึกกำลัง MUFG ผ่านเครือข่ายกว่า 50 ประเทศ เชื่อมโยงความสามารถในการให้บริการกับพันธมิตรของธนาคารเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยใช้เครือข่ายของ MUFG ให้กับลูกค้าของธนาคารในการทำธุรกิจ เช่น ถ้าหากธุรกิจไทยต้องการไปลงทุนที่อินโดนีเซีย หรือแม้แต่เวียดนาม ก็มีธนาคารเครือข่ายของ MUFG พร้อมทำธุรกรรม

อย่างไรก็ดีประกอบยังกล่าวเสริมว่าเขายังกังวลเรื่องตัวเลข NPL หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังจะหยุดมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา และหลายธุรกิจในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตไม่เท่ากัน

นอกจากนี้เขายังชี้ถึงปัจจัยภายนอก เช่น ธุรกรรมที่ผิดปกติ ทำให้ธนาคารต้องหมั่นตรวจสอบตัวเองมากยิ่งขึ้นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะกระทบกับตัวธนาคารเองหรือเปล่า เพื่อที่จะได้ไม่สร้างความเสียหาย

ขณะที่กรณีของธนาคารได้เข้าซื้อกิจการบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ในปีที่ผ่านมา เขาคาดว่าจะปิดดีลได้สำเร็จในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ได้

ไม่เพียงเท่านี้เขายังกล่าวว่าเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของธนาคารในการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน 50,000 ถึง 100,000 ล้านบาทภายในปี 2573 แต่จะเร่งให้ไวมากขึ้นกว่าเดิม และยังรวมถึงการเข้ามาเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของดีล M&A ต่างๆ มากขึ้นโดยอาศัยเครือข่ายของ MUFG