ดูเหมือนสงครามรถอีวีในตลาดโลกจะยิ่งดุเดือด เพราะล่าสุด โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) แบรนด์รถยนต์ยักษ์ใหญ่ของเยอรมันก็หั่นราคา เพื่อสู้กับ เทสลา (Tesla) ที่ได้ลดราคารถอีวีลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา
ID.3 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเรือธงของ โฟล์คสวาเกน จะวางจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมในราคาต่ำกว่า 40,000 ยูโร (ราว 1.5 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าราคาลดลง 3,000 ยูโร (1.1 แสนบาท) เทียบเท่ากับ Model Y รุ่นยอดนิยมของ เทสลา โดยคนในวงการมองว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการตอบโต้โดยตรงต่อการลดราคาหลายครั้งของเทสลา ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รวมถึงส่วนลดสูงสุดถึง 20% อ้างอิงจากตลาดยุโรปและสหรัฐอเมริกา
Ferdinand Dudenhoeffer นักวิเคราะห์ กล่าวว่า แม้ว่ายอดรายรถอีวีของกลุ่มโฟล์คสวาเกนทั้ง 10 แบรนด์จะมียอดขายรวมกว่า 352,000 คันในตลาดยุโรป แต่ในเยอรมนีประเทศบ้านเกิดของโฟล์คสวาเกนกลับถูกเทสลาแซงขึ้นเป็นแบรนด์รถอีวีที่มียอดขายมากที่สุดในเดือนมกราคม โดยมีการเติบโตถึง 900% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ส่วนตลาดจีนที่ถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของรถอีวี โฟล์คสวาเกนมีส่วนแบ่งในตลาดรถอีวีเพียง 2.4% โดยปีที่ผ่านมามียอดขายเพียง 155,700 คัน จากตลาดรวม 5 ล้านคัน ขณะที่เทสลามีส่วนแบ่งในตลาดจีนถึง 7.8% ส่วน BYD ของจีนมี 16% ขณะที่แบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์อีวีสัญชาติจีนรายอื่น เช่น Wuling, GAC และ Chery ก็มีส่วนแบ่งตลาดที่มากกว่าโฟล์คสวาเกน ส่วน เมอร์เซเดส-เบนซ์และบีเอ็มดับเบิลยู ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมนีก็ยังไปได้ไม่ค่อยดีนักในตลาดจีน โดยมีส่วนแบ่งตลาด น้อยกว่า 1%
“โฟล์คสวาเกนกำลังเห็นว่าภัยคุกคามจากเทสลานั้นใหญ่หลวงเพียงใด และในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ผลิตในเยอรมันยังคงตามหลังแบรนด์ท้องถิ่นอยู่มาก” Ferdinand Dudenhoeffer กล่าว
โดย Gregor Sebastian นักวิเคราะห์จาก Mercator Institute for China Studies มองว่า เวลาที่แบรนด์รถยนต์สัญชาติเยอรมันจะชิงส่วนแบ่งการตลาดในจีนนั้นได้หมดไปแล้ว เพราะว่ารถยนต์ของเยอรมันจะเน้นที่สมรรถนะการขับขี่แต่ในประเทศจีนที่มีการจราจรติดขัด ทำให้ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนสำคัญกว่า
อย่างไรก็ตาม Gregor Sebastian มองว่า แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในอุตสาหกรรม แต่ชื่อเสียงของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันยังคงเป็นไพ่ตายในจีน
“การแข่งขันนั้นยาก แต่โฟล์คสวาเกนมีประสบการณ์กว่า 80 ปีในการสร้างรถยนต์สำหรับตลาดและลูกค้าที่แตกต่างกัน นั่นจะทำให้พวกเขาได้เปรียบ”
ปัจจุบัน การต่อสู้เพื่อครองโลกในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้ายิ่งทวีความรุนแรงขึ้นและผู้ท้าชิงใหม่ ๆ เกิดขึ้นโดยเฉพาะผู้เล่นจากจีนที่เริ่มออกมาทำตลาดโลก ส่งผลให้โฟล์คสวาเกน ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องเข้าสู่ สงครามราคา เพื่อปกป้องตำแหน่งของแบรนด์ในตลาดรถอีวี แม้ว่านั่นจะหมายถึงกำไรที่จะลดลงก็ตาม