Vincent Clerc ซึ่งเป็น CEO ของ A.P. Moller-Maersk หรือ เมอส์ก (Maersk) บริษัทชิปปิ้งชื่อดัง ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายแห่ง โดยกล่าวถึงสถานการเศรษฐกิจของจีน รวมถึงโอกาสในการทำธุรกิจในประเทศจีน หลังจากที่ประเทศจีนได้เปิดประเทศอย่างเป็นทางการช่วงไตรมาส 4 ของปี 2022 ที่ผ่านมา
โดย CEO รายนี้ได้เข้าร่วมงานสัมมนา China Development Forum ในกรุงปักกิ่งพร้อมกับผู้นำหลายบริษัท หรือแม้แต่กรรมการผู้จัดการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศด้วย
CEO ของ Maersk ได้กล่าวว่า “เมื่อเริ่มต้นปี 2023 นั้นเราเห็นความหวังที่ว่าเศรษฐกิจจีนนั้นจะกลับมาฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโควิดได้อย่างรวดเร็ว และเติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่กลับกลายเป็นว่าเราไม่เห็นสิ่งนั้น ผู้บริโภคชาวจีนรู้สึกตะลึงเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในตอนนี้”
เขายังกล่าวว่าลูกค้าของ Maersk บางรายมองไปถึงสมัยการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจอย่าง Sars ที่กว่าความมั่นใจของผู้บริโภคจะกลับมาได้นั้นต้องใช้เวลานาน
สาเหตุสำคัญที่เขามองว่าความมั่นใจของผู้บริโภคจะกลับมาได้นั้นต้องใช้เวลานาน เนื่องจากเงินลงทุนของประชาชนจีนมากถึง 70% ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามภาคอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ตลาดหุ้นของประเทศจีนยังได้รับผลกระทบที่แย่ ขณะเดียวกันความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีนที่เพิ่มขึ้นก็ส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้วย
ข้อมูลล่าสุดเขายังชี้ว่าทุก 1 ใน 3 ตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลกของ Maersk นั้นออกมาจากประเทศจีน ขณะที่ทุก 1 ใน 6 ตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัทนั้นส่งสินค้ากลับเข้าไปยังประเทศจีน โดยปัจจุบันบริษัทชิปปิ้งรายนี้ถือเป็นผู้ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกด้วย
สำหรับสถานการณ์การค้าโลกนั้นเขามองว่าภายในปีนี้น่าจะเริ่มกลับมาเป็นปกติได้ ขณะเดียวกันเขาเองก็ยังไม่เห็นสัญญาณของการแยกส่วน (Decoupling) ของสินค้าไฮเทคระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน เขาชี้ว่าการแยกส่วนนั้นคิดเป็นสัดส่วนน้อยมาก และมองว่าจีนในปีที่ผ่านมามีปริมาณการค้าสูงที่สุดด้วยซ้ำ
CEO ของ Maersk ยังมองว่า GDP ของจีนในปีนี้จะแตะระดับที่รัฐบาลวางเป้าไว้ที่ 5% ได้ และบริษัทยังมองแง่ดีรวมถึงโอกาสทางธุรกิจหลังจากนี้
ที่มา – Financial Times, Xinhua