“ไอจัสวอนนาแฮฟอ้วยอันได้บ่” ย้ำภาพลักษณ์ “อ้วยอันโอสถ” ยาสมุนไพรทันสมัยของคนทุกเจนฯ


ผ่านมาแล้วกว่าทศวรรษที่ “อ้วยอันโอสถ” เริ่มภารกิจสร้างแบรนด์ “ยาสมุนไพร” ทันสมัยที่เข้าถึงคนได้ทุกเจนเนอเรชัน ล่าสุดปีนี้บริษัทกลับมาย้ำภาพลักษณ์ผ่านแคมเปญ “ไอจัสวอนนาแฮฟอ้วยอันได้บ่” ทำการตลาดผ่านเสียงเพลงที่ทุกคนคุ้นเคยกับท่อนฮุก “โด่ดิดง” ของ “สิงโต-นำโชค” เพื่อให้ชื่อของอ้วยอันโอสถติดหูคนทุกวัย จูงใจคนรุ่นใหม่ให้รู้สึกเป็นมิตรกับยาสมุนไพรมากขึ้น

“อ้วยอันโอสถ” ฉลองครบรอบ 70 ปีบริษัทในปี 2566 จากร้านขายยาเล็กๆ ในรุ่นคุณปู่ มีชื่อเสียงจากยาลูกกลอนทำจากสมุนไพรจีน มาสู่รุ่นคุณพ่อที่ขยายกิจการจนเป็นโรงงานขนาดใหญ่ในย่านบางแค พร้อมดึงสมุนไพรไทยเข้ามาเสริม วันนี้อ้วยอันโอสถอยู่ภายใต้การบริหารของลูกๆ ในรุ่นที่ 3 และเป็นรุ่นที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านภาพลักษณ์แบรนด์

“ยุคคุณพ่อจะมีคู่แข่งไม่เยอะ ทำให้ไม่ค่อยมีการสร้างแบรนด์เท่าไหร่ แต่เมื่อพวกเรารุ่น 3 เข้ามาช่วง 10 ปีก่อน เราเริ่มเห็นว่าอ้วยอันโอสถไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก แม้ว่าเราจะมีสินค้าขายในร้านขายยาทั่วประเทศ” นิชา สมบูรณ์เวชชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด กล่าว

นิชา สมบูรณ์เวชชการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อ้วยอันโอสถ จำกัด ด้านหน้าป้ายห้างขายยาอ้วยอันโอสถในรุ่นคุณพ่อ

เมื่อเห็นจุดที่สามารถเสริมแกร่งได้ ทำให้รุ่น 3 เริ่มต้นการสร้างแบรนด์ให้อ้วยอันโอสถ ขั้นแรกคือเริ่มปฏิรูปโลโก้และแพ็กเกจจิ้งสินค้ายาทั้งหมดที่มีกว่า 100 SKUs (ยกเว้นยาอมแก้ไอและยาลูกกลอนจีนตำรับเดิม ซึ่งผู้บริโภคคุ้นเคยกับแพ็กเกจจิ้งแล้ว) ออกแบบให้มี mood & tone ที่สื่อถึงความสะอาดปลอดภัย รวมถึงให้ปรากฏชื่อแบรนด์ “อ้วยอันโอสถ” ไว้บนฉลาก โดยมีน้องชายอีก 2 คนเข้ามาช่วยดูแลด้านการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) คิดค้นสินค้าใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

รุ่น 3 ของอ้วยอันโอสถ: (จากซ้าย) ชนรรค์ สมบูรณ์เวชชการ, นิชา สมบูรณ์เวชชการ และทานุ สมบูรณ์เวชชการ

“เราได้ปรับตัวเองจากภาพของคุณหมอที่มีอายุแล้ว มาเป็นคุณหมอวัย 30 ปีเพื่อให้ดูเข้าถึงง่ายกับคนรุ่นใหม่ แต่ยังคงเป็นคุณหมอที่เชี่ยวชาญอยู่” นิชากล่าวเสริม

mood & tone ของโลโก้และแพ็กเกจจิ้งที่ปรับปรุงใหม่ให้สื่อสารถึงความทันสมัย

หลังจากเตรียมสินค้าพร้อมแล้ว อ้วยอันโอสถจึงเริ่มทำโฆษณามาอย่างต่อเนื่อง โดยโฆษณาชุดที่เห็นผลมากที่สุดออกมาเมื่อ 4-5 ปีก่อนเป็นโฆษณายาขมิ้นชันที่มี “แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์” เป็นพรีเซ็นเตอร์ เป็นภาพที่ทำให้คนจดจำอ้วยอันโอสถได้ดีที่สุด

ตามด้วยการออกโฆษณาในกลุ่มยาเด็ก โดยครั้งนี้ใช้พรีเซ็นเตอร์เป็น “คุณแม่โอปอล-ปาณิสรา และน้องอลิน-อลัน” ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน เพราะช่วยให้กลุ่มยาเด็กอ้วยอันโอสถดูน่าเชื่อถือ ปัจจุบันยาน้ำแก้ร้อนในเขากุยเป็นสินค้าขายดีอันดับ 2 ของบริษัท

น่าเสียดายที่หลังจากนั้นเกิดโรคระบาดโควิด-19 ขึ้น ทำให้กิจกรรมการตลาดเพื่อสร้าง Corporate Brand ต้องชะลอลง แต่ข้อดีคือโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่ช่วยพิสูจน์ความสำเร็จของแคมเปญที่ทำมาตลอดหลายปี

“ช่วงโควิด-19 เป็นช่วงที่คนรู้จักสมุนไพรสูงขึ้นจากการรับประทานฟ้าทะลายโจร และทำให้เราเห็นภาพว่าเราทำสำเร็จแล้วระดับหนึ่ง เพราะช่วงนั้นคนเดินเข้าร้านขายยาจะถามหาฟ้าทะลายโจรของอ้วยอันโอสถก่อนยี่ห้ออื่น จนฟ้าทะลายโจรกลายมาเป็นสินค้าขายดีอันดับ 1 ของบริษัทในช่วงที่เกิดโควิด-19” นิชากล่าว


“ไอจัสวอนนาแฮฟอ้วยอันได้บ่” เพลงที่เข้าถึงคนทุกวัย

หลังสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย บริษัทจึงต้องการกลับมาสร้างแคมเปญให้กับ Corporate Brand อีกครั้ง โดยเลือกที่จะใช้กลยุทธ์มิวสิก มาร์เก็ตติ้ง และมาลงตัวที่เพลง “อ้ายจัสวอนน่าเป็นแฟนยูได้บ่?” ของ สิงโต-นำโชค เพราะเป็นเพลงดังที่มียอดวิวบน YouTube เกิน 150 ล้านวิว และดังเป็นวงกว้าง คนทุกเพศทุกวัยรู้จัก มีจังหวะสนุกสนานติดหูผู้คน


อ้วยอันโอสถจึงนำมาแปลงเนื้อเพลงเป็น “ไอจัสวอนนาแฮฟอ้วยอันได้บ่” และสร้างสรรค์ MV โฆษณาที่มีเนื้อหาพาทุกคนไปรู้จักกับสมุนไพรไทย เน้นที่แบรนด์อ้วยอันโอสถมากกว่าสินค้าใดสินค้าหนึ่ง พร้อมกับมีท่าเต้นน่ารักๆ เข้ากับเพลง เพื่อจะต่อยอดไปเป็นชาเลนจ์สำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้ โดยจะเริ่มแคมเปญบน TikTok ในเดือนพฤษภาคมนี้

แคมเปญนี้เริ่มเผยแพร่ไปทุกช่องทางทั้งวิทยุ โทรทัศน์ สื่อ ณ จุดขาย และทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย จุดประสงค์เพื่อสร้างเพลงโฆษณาที่ ‘ติดหู’ จนทุกคนนึกถึงอ้วยอันโอสถเป็นเจ้าแรกเมื่อจะซื้อยาสมุนไพร


เดินหน้าต่อกับการตอกย้ำแบรนด์ในกลุ่ม “คนรุ่นใหม่”

แคมเปญ “ไอจัสวอนนาแฮฟอ้วยอันได้บ่” นั้นวางกลุ่มเป้าหมายเป็นวงกว้างสำหรับคนทุกวัย แต่กลุ่มที่อ้วยอันโอสถมุ่งเป้าจะเข้าถึงให้ได้มากขึ้นคือกลุ่ม “คนรุ่นใหม่”

เพราะถึงแม้ว่าลูกค้าหลักของอ้วยอันโอสถมักจะเป็นคนวัยทำงานซึ่งเป็นวัยที่โรคเรื้อรังเริ่มถามหา หรือเป็นช่วงวัยที่เริ่มมีลูกและต้องการยาสำหรับเด็ก แต่ในกลุ่มวัยรุ่นนั้นถ้าหากไม่ ‘ทำความรู้จักกัน’ ตั้งแต่เนิ่นๆ เมื่อวัยรุ่นโตเป็นผู้ใหญ่ก็อาจจะไม่สนใจยาสมุนไพรและไม่เลือกซื้ออ้วยอันโอสถก็ได้

“สมัยเราเป็นวัยรุ่นเราก็ไม่อยากใช้สมุนไพรเพราะมองดูเชยๆ แต่ถ้าเราปรับภาพลักษณ์ตัวเองให้มีสีสัน และทำความรู้จัก ไปใกล้ชิดกับเขา ทำให้วัยรุ่นรู้สึกดีกับเรา สร้างความผูกพันไว้ก่อน เราก็จะไปยืนในใจเขาได้” นิชากล่าว

นิชามองว่าคนรุ่นใหม่ยุคนี้มีแนวโน้มที่จะไม่ปฏิเสธสมุนไพร เพราะเทรนด์ปัจจุบันเริ่มมีแนวคิด “ไม่ใช้สารเคมี” ทั้งอาหารและของใช้ประจำวัน เริ่มอยู่กับธรรมชาติ ดูแลรักษาสุขภาพ ดังนั้น เป็นไปได้ที่การทานอาหารเสริมของคนรุ่นใหม่จะเลือกสิ่งที่ทำมาจากสมุนไพรมากกว่า

“การปรับเปลี่ยนแบรนด์ของเรามาได้ไกลพอสมควร แต่เราจะไปให้ไกลกว่านี้ เพราะการแข่งขันในตลาดยาสมุนไพรสูงขึ้นมาก” นิชากล่าว “วันนี้เราจะสร้างความเป็นอ้วยอันโอสถให้ชัด แบรนด์จะมีสีสันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จะบาลานซ์ให้ได้กับสิ่งที่อ้วยอันโอสถทำมาตั้งแต่รุ่นปู่ คือ เป็นยาสมุนไพรที่ซื่อสัตย์ โปร่งใส่กับผู้บริโภค น่าเชื่อถือ และมีคุณภาพ”