I-HERB (ไอ-เฮิร์บ) สบโอกาสเทรนด์สุขภาพมาแรง รีเฟรชแบรนด์ ดึง ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ มาทำหน้าที่พรีเซนเตอร์ สร้างภาพจำคนรุ่นใหม่ เจาะตลาดยาอมสมุนไพรทางเลือกเพื่อสุขภาพ ตั้งเป้าหมาย Top of Mind ในใจผู้บริโภคภายใน 3 ปี
จากข้อมูลของกรมการแพทย์แผนไทยฯ ระบุว่า ตลาดสมุนไพรไทยมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 50,000 ล้านบาท ขณะที่ Euromonitor เคยคาดการณ์ว่า ปี 2569 ตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรในประเทศไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 59,500 ล้านบาท
พันธิกันต์ สุวรรณคีรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลลิเมด จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดเม็ดอมสมุนไพรไอ-เฮิร์บ กล่าวว่า แม้ตลาดยาอมสมุนไพรในไทยจะยังไม่มีการเก็บตัวเลขขนาดตลาดอย่างชัดเจน แต่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องอย่างก้าวกระโดดหลังยุคโควิด-19 จากแรงขับเคลื่อนทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ไปจนถึงการแข่งขันด้านนวัตกรรมรสชาติ และคุณสมบัติ
ขณะเดียวกันก็พัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายแบรนด์ ทั้งรายเดิมและผู้เล่นรายใหม่ต่างเร่งพัฒนาจนเกิดการแข่งขันสูงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ 4 ประเภทหลัก ได้แก่ ยาอมแบบเม็ดแข็ง, เม็ดตอก, เม็ดลูกกลอน และยาอมแบบลูกอม (soft lozenge)
สำหรับไอ-เฮิร์บเอง วางตำแหน่งทางการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากธรรมชาติ ด้วยจุดเด่นตอบโจทย์ด้านรสชาติที่ดี แต่ยังคงประโยชน์ด้านสุขภาพเหมือนเดิม ภายใต้แนวคิดเม็ดอมสมุนไพรสูตรใหม่ปราศจากน้ำตาล โดยใช้สารให้ความหวานจากไอโซมอลต์ (Isomalt)ไม่ทำให้ฟันผุและไม่กระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือด พร้อมกลิ่นและรสชาติที่ทานง่าย ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถบริโภคได้บ่อย แม้ไม่มีอาการไอหรือเจ็บคอ
ด้วยจุดเด่นดังกล่าว สอดคล้องกับเทรนด์พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันที่ต้องการ ‘สินค้าเพื่อสุขภาพที่ให้ประสบการณ์ดี’ทำให้ I-HERB ได้การตอบรับดีทั้งในกลุ่มผู้บริโภคคนไทย และ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่นิยมซื้อสินค้าสมุนไพรเพื่อเป็นของฝากของที่ระลึก ทำให้ปีนี้บริษัทฯ ได้เลือก ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ นักแสดงชายชื่อดังมาเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ไอ-เฮิร์บ เป็นครั้งแรก พร้อมใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดครบวงจร เพื่อขยายฐานผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ในวงกว้างมากขึ้น
“มาริโอ้มีคาแรกเตอร์ที่มีความเป็นธรรมชาติ เข้าถึงง่าย และวางตัวดี มีฐานแฟนคลับหลากหลายทุกเพศวัยทั้งในและต่างประเทศ ที่สำคัญยังบาลานซ์ด้านการดูแลสุขภาพและการใช้ชีวิตของตัวเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยสะท้อนภาพลักษณ์เม็ดอมสมุนไพรไอ-เฮิร์บ ให้มีภาพลักษณ์ที่ทันสมัยมากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และยังคงความเป็นธรรมชาติความน่าเชื่อถือของแบรนด์
บริษัทฯ ยังได้จัดกิจกรรมแคมเปญการตลาดเพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมสื่อทุกช่องทาง อาทิ ภาพยนต์โฆษณา, สื่อนอกบ้าน, สื่อในร้านค้า รวมถึงการจัด On-ground Marketing โดยแจกตัวอย่างสินค้าให้ทดลองใช้จริง และการใช้สื่อออนไลน์ พร้อมทั้งการจัดกิจกรรมในช่องทางโซเชียลมีเดียให้กับผู้บริโภคได้ร่วมสนุกพร้อมรับของรางวัลมากมาย เพื่อสร้างประสบการณ์แบรนด์แบบไร้รอยต่อ และสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งในระยะยาว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเลือกใช้แพลตฟอร์มสื่อโซเชียลมีเดีย แบบเฉพาะเจาะจงไปยังกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีน ซึ่งเป็นหนึ่งตลาดสำคัญของ ไอ-เฮิร์บ ขณะเดียวกันยังเพื่อเป็นการสื่อสารการทำตลาดเม็ดอมสมุนไพรไอ-เฮิร์บ ที่ถูกพัฒนาขึ้นตามหลักการและจุดเด่นของแบรนด์ ภายใต้ชื่อ I-HERB คือ
I – Ingredients การคัดสรรวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ
H – High Quality ให้ความสำคัญและใส่ใจตลอดทุกกระบวนการผลิต ซึ่งได้การรับรองจากรางวัล อย. ควอลิตี้ อวอร์ด อย่างต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน
E – Extraordinary พิเศษด้วยรสชาติที่อร่อยลงตัว ทานง่ายจนลืมภาพจำของรสสมุนไพรแบบเดิมๆ
R – Result ให้ประสิทธิภาพเห็นผลจริง
B – Benefit เพื่อให้ได้ประโยชน์ที่ดีที่สุด
ปัจจุบัน ไอ-เฮิร์บ มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 10% ของยอดขายรวมของบริษัท โดยสินค้าหลัก ประกอบด้วย เม็ดอมสมุนไพร ยาอมและยาน้ำแก้ไอ และ สเปรย์พ่นคอ วางจำหน่ายในร้านขายยาทั่วประเทศ,ร้านสะดวกซื้อ 7-11, Jiffy และทัวริสต์ สโตร์ (Tourist Store) รวมถึงช่องทางอี-คอมเมิร์ซ ได้แก่ Lazada และ Tiktok shop เพื่อให้ครอบคลุมและเข้าถึงทุกพฤติกรรมการซื้อสินค้าของกลุ่มเป้าหมาย
สำหรับแผนในอนาคต จะมีการพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง และการทำตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศ เบื้องต้นโฟกัสไปที่ตลาดเอเชีย พร้อมวางเป้าหมายสู่การเป็น Top of Mind แบรนด์ในใจผู้บริโภคที่คาดเห็นความชัดเจนใน 3 ปี