เดอะวิสดอมกสิกรไทย ประสานเสียงกูรู มองจีนมีโอกาสน่าลงทุน หลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบและมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน


ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าตลาดหุ้นจีนเองจะให้ผลตอบแทนที่ไม่ดีมากนัก รวมถึงตัวเลข GDP จีนที่ต่ำกว่าที่หลายคนคาดไว้ แต่ล่าสุดการเปิดประเทศในช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมาถือว่าเป็นเรื่องที่ไวกว่าหลายคนคาดไว้ ส่งผลทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจนั้นกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง

โอกาสในการลงทุน หรือโอกาสในการทำธุรกิจ ปัจจัยอะไรที่น่าติดตามหลังจากนี้ Positioning ได้รวบรวมจากงานสัมมนา โอกาสในการลงทุน หรือโอกาสในการทำธุรกิจ ปัจจัยอะไรที่น่าติดตามหลังจากนี้ Positioning ได้รวบรวมจากงานสัมมนา THE WISDOM Investment Forum ที่บริการเดอะวิสดอม ธนาคารกสิกรไทยจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยการเชิญนักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจการลงทุนในแต่ละวงการ มาแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์เศรษฐกิจและโอกาสการ ลงทุนที่น่าจับตา โดยในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ China Insight Unlock Wealth Opportunity in 2023


ดร. พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย

ดร. พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ได้กล่าวเริ่มต้นถึงเศรษฐกิจไทย ในช่วงปีที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของโควิด หรือสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจต่างๆ ส่งผลทำให้เศรษฐกิจไทยมี GDP เติบโตแค่ 2.6% สาเหตุหลักที่ชะลอตัวคือภาคการส่งออก ซึ่งเป็นผลจากสภาวะเศรษฐกิจโลก แต่หลังจากจีนเปิดประเทศแล้วน่าจะส่งผลมุมมองเชิงบวกหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศ ซึ่ง ดร. พิพัฒน์พงศ์ คาดว่าจะมีมากถึง 4.65 ล้านคน

อีกประเด็นที่สำคัญคือไทยนำเข้าสินค้าจากจีนสูงสุดเป็นอันดับ 1 ขณะเดียวกันจีนยังเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของประเทศไทย และยังรวมถึงการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI สูงเป็นอันดับ 1 ในปีที่ผ่านมา มูลค่าสูงถืง 77,800 ล้านบาท

แต่สถานการณ์ล่าสุดจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ จากกรณีของ SVB รวมถึง Credit Suisse นั้น ดร. พิพัฒน์พงศ์ กล่าวว่าธนาคารกลางของแต่ละประเทศจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ ก็ยังสามารถใช้คาดการณ์เดิมที่เศรษฐกิจไทยจะโตถึง 3.7% ได้ โดยพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก


ดร.ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย


เศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง และได้ประโยชน์หลังจากจีนฟื้นตัว ไม่ห่วงเรื่อง SVB

ดร.ดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเสถียรภาพระบบการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงกรณีของ SVB และ Credit Suisse มองว่ายังไม่เป็นความเสี่ยงเชิงระบบ และตลาดน่าจะสงบลงได้ นอกจากนี้เขายังมองว่าในแง่ความผันผวนของตลาดน่าจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีถ้าการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้ตลาดผิดหวังก็ย่อมเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดอีกรอบ

ขณะเดียวกันความผันผวนที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดการเงินโลกตะวันตก รวมถึงปัจจัยลบจากเรื่อง SVB และ Credit Suisse ก็อาจส่งผลทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาในประเทศจีน เนื่องจากมีปัจจัยบวกต่างๆ  จากที่จีนเปิดประเทศ ส่งผลให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นปกติ ก็ทำให้เศรษฐกิจไทยได้ผลบวกด้วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน

อย่างไรก็ดีถ้าหากกรณีของ  SVB และ Credit Suisse ยังจบไม่ได้ ก็จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโลก และอาจลามมาที่เศรษฐกิจไทยด้วยได้เช่นกัน แต่ ดร. ดอน ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความเข้มแข็ง เนื่องจากมีทุนสำรองที่สูง มีหนี้สาธารณะยังไม่มาก และปัจจุบันเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งกว่าเดิม

ดร. ดอน แนะนำสิ่งที่ต้องจับตามองหลังจากนี้ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยคือแนะนำคือวิกฤตของสถาบันการเงินทั่วโลกจะลุกลามหรือไม่ แต่ก็ยังเชื่อว่าธนาคารไทยยังคงมีความแข็งแกร่งกว่าวิกฤตการเงินในช่วงแฮมเบอร์เกอร์ด้วยซ้ำ

ขณะที่โอกาสของเศรษฐกิจไทยก็คือเป็นที่ตั้งศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ และยังมีเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านที่ยังเติบโต มีประชากรที่อายุน้อยที่สูง ไม่ว่าจะเป็น ลาว กัมพูชา ฯลฯ รวมถึงความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะช่วยดึงเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อได้


ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ยุทธศาสตร์ของจีนจะชัดเจนมากขึ้น แตกต่างกับในอดีต

ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เล่าถึงรัฐบาลจีนได้ตั้งเป้า GDP ในปีที่เศรษฐกิจจีนดีให้ต่ำกว่าที่คาด โดยยกตัวอย่างในปี 2021 ที่เศรษฐกิจจีนไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด แต่จะตั้งเป้า GDP สูงในช่วงที่เศรษฐกิจจีนเติบโตได้ต่ำ อย่างเช่นในปี 2022 ที่ผ่านมา เพื่อที่จะปลุกความมั่นใจ

เขามองว่าปีนี้ GDP จีนน่าจะเติบโตได้ตามเป้า แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนหลายอย่าง เช่น ภาคอสังหาริมทรัพย์ การล็อกดาวน์ในประเทศจีนทำให้หลายธุรกิจปิดตัวไป รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างกรณี SVB หรือ Credit Suisse ที่อาจฉุดเศรษฐกิจจีนลงมาได้เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเน้นภาคการส่งออกเป็นหลัก อย่างไรก็ดีถ้าหากเป็นภาคการเงินแล้ว ดร.อาร์ม มองว่าปัญหาของ SVB และ Credit Suisse จะไม่กระทบกับภาคการเงินจีน เนื่องจากรัฐบาลยังควบคุมดูแลอย่างหนัก ขณะที่การเมืองของจีน ดร.อาร์ม มองว่ายุทธศาสตร์ของจีนจะชัดเจนมากขึ้น และคนจีนจะมองภาพบวกมากกว่า แตกต่างกับในอดีต

นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังส่งสัญญาณจะฟื้นฟูภาคเศรษฐกิจ หลังจากการประชุม 2 สภา โดยให้ความสำคัญกับภาคเอกชน และภาคธุรกิจ รวมถึงกลับมากระตุ้นภาคการบริโภคภายในประเทศ อย่างไรก็ดี ดร.อาร์ม ชี้ว่าจีนไม่ได้หยุดค้าขายกับต่างประเทศแต่อย่างใด เขาชี้ว่าจีนจะบุกหารายได้จากที่อื่น เช่น ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา หรือแม้แต่อาเซียน แทน

เม็ดเงินจะไหลกลับเข้ามาลงทุนในจีนอีกครั้ง

คุณทิวา ชินธาดาพงศ์ นักลงทุนไทย ได้มองถึงโอกาสในการลงทุนในประเทศจีน ซึ่งเขามองโอกาสลงทุนในประเทศจีนระยะยาวว่ายังสดใส แม้ว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนได้ให้ผลตอบแทนที่ไม่ดี เขายังมองว่ารัฐบาลจีนได้วางพื้นฐานของเศรษฐกิจไว้แล้ว และกำลังปราบปรามคอร์รัปชัน ย่อมเป็นโอกาสก้าวกระโดดหลังจากนี้

เขายังมองว่าด้วยระดับกำไรของหุ้นจีน เงินปันผล และในเคสของ SVB ที่มีปัญหาในสหรัฐอเมริกา นั้นทำให้มีโอกาสที่เม็ดเงินจะไหลมาที่หุ้นจีนได้ รวมถึงมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เนื่องจากไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้มาก หรือลดดอกเบี้ยลงมาได้

นอกจากนี้คุณทิวายังมองถึงโอกาสของตลาดผู้บริโภคในประเทศจีนที่กำลังเติบโตหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม ไปจนถึงอุตสาหกรรมค้าปลีก หรือแม้แต่ E-commerce แต่ถ้าหากคนทั่วไปที่ไม่อยากลงทุนหุ้นรายตัว ก็สามารถเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมได้


คุณภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย


จีนส่งเสริมอุตสาหกรรมไฮเทคขั้นสูง และนวัตกรรมมากขึ้น

คุณภัทรพงศ์ กัณหสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ได้ชี้ว่าจีนได้เปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบแล้ว โดยสังเกตได้จากร้านอาหารนั้นแทบจะไม่มีโต๊ะว่าง และมีการทำธุรกิจแทบจะปกติแล้ว นอกจากนี้จีนยังเน้นเศรษฐกิจในประเทศให้เติบโต รวมถึงหารายได้จากประเทศที่เป็นมิตรกับจีนมากขึ้น

ในเชิงของ KBank นั้นเขากล่าวว่าจะลงทุนในประเทศจีนมากกว่าเดิม และให้มุมมองว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีที่สุดของประเทศจีน เนื่องจากชาวจีนมีเงินออมในช่วง 3 ปีเยอะมาก เขาเชื่อว่าชาวจีนจะมาไทยเพิ่มมากขึ้น แต่ต้องให้เวลาอีกสักพัก

นอกจากนี้คุณภัทรพงศ์ ยังได้ชี้ว่าจีนกำลังจะเปลี่ยนเกมโดยการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมาจากการผลักดันโดยรัฐบาลในเรื่องนวัตกรรม ไม่เพียงเท่านี้รัฐบาลจีนยังจะส่งเสริมอุตสาหกรรมไฮเทคขั้นสูง (Deep Technology) ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี 5G เรื่องของ AI ไปจนถึงการผลิตชิป ซึ่งหลังจากนี้เราจะเห็นเทคโนโลยีเหล่านี้ของประเทศจีนจะออกสู่ท้องตลาดมากยิ่งขึ้น

คุณภัทรพงศ์ให้คำแนะนำภาคธุรกิจไทยว่าให้เริ่มค้าขายกับจีนก่อน จนเริ่มเข้าใจประเทศจีนแล้ว ค่อยเริ่มเข้าไปเจาะตามเมือง หรือหาพาร์ตเนอร์ที่เชื่อถือได้ในจีน โดยทางธนาคารได้เชื่อมโยงการชำระเงินให้ง่ายและสะดวกต่อคนที่ทำธุรกิจในจีนมากที่สุด