คุยกับ ROCKWOOL มากกว่าการเป็นฉนวนกันความร้อน แต่ส่งต่อความยั่งยืนในอนาคต


ต้องบอกว่าเทรนด์ในการดูแลสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการประหยัดพลังงาน เป็นหัวข้อที่ให้ความสนใจในระดับโลก ทุกอุตสาหกรรมต่างหาโซลูชั่นเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของโลกนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะยิ่งเราใส่ใจโลกมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยปกป้องโลกใบนี้ให้อยู่ยืนยาวมากยิ่งขึ้น

ในขณะที่โลกมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น อุตสาหกรรมก่อสร้าง งานอาคารต่างๆ ก็มีอุปกรณ์เพื่อช่วยในเรื่องการประหยัดพลังงานอยู่ไม่น้อย เพื่อเพิ่มการอยู่อาศัยให้สะดวกสบายมากขึ้น


ROCKWOOL พระเอกเบอร์หนึ่งของงานอาคาร และงานอุตสาหกรรม

ROCKWOOL เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฉนวนกันความร้อนรายใหญ่ของโลก มีประสบการณ์กว่า  85 ปี มีบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก นอกจากจะเป็นฉนวนกันความร้อนที่ชาญฉลาดแล้ว ยังเน้นเรื่องของความยั่งยืนอีกด้วย จึงถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรมก่อสร้าง

ฉนวน ROCKWOOL หรือฉนวนใยหินทำมาจากหินภูเขาไฟตามธรรมชาติ และได้รับการพิสูจน์จาก IARC (สถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติ) ว่าปลอดภัยต่อผู้ใช้งานไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง และ MTEC (สถาบันเทคโนโลยีและวัสดุแห่งชาติ) ว่า ROCKWOOL ไม่ใช่แร่ใยหิน (Non-Asbestos)

นอกจากนี้ฉนวน ROCKWOOL สามารถทดแทนและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อการก่อสร้างอย่างยั่งยืน ฉนวน ROCKWOOL สามารถป้องกันไฟได้ ช่วยประหยัดพลังงานอย่างดีเยี่ยม และยังเพิ่มประสิทธิภาพในการกันเสียงรบกวน

ซึ่งฉนวนหินภูเขาไฟของเรามีคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งด้าน กันไฟ กันเสียง และกันความร้อน รวมทั้งมีความทนทานตลอดอายุการใช้งาน ทำให้เป็นหนึ่งในทางเลือกที่คุ้มค่า และยั่งยืน ฉนวนหินภูเขาไฟ ROCKWOOL ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม, ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ, ลดการขาดแคลนพลังงาน, บรรเทาปัญหาสิ่งแวดล้อม, ดูแลรักษาอาคารตลอดอายุการใช้งาน, ดูแลคุณภาพชีวิตของประชากร

ผลิตภัณฑ์ของ ROCKWOOL สามารถนำมาติดตั้งได้ทั้งในอาคารพาณิชย์ หรือ กลุ่มงานอุตสาหกรรมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ รวมถึง ตึก Marina Bay Sands, ตึก Petronas Twin Towers, ตึกมหานคร จึงนับว่าเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวสู่ชุมชน, โรงพยาบาลสู่โรงเรียน และไปในหลายๆประเทศทั่วโลก

ปัจจุบัน ROCKWOOL มี 45 โรงงานการผลิต ใน 39 ประเทศทั่วโลก สำหรับประเทศไทยได้ทำตลาดมากกว่า 20 ปีแล้ว มีโรงงานตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง ได้ครอบคลุมสินค้า และบริการทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่น เวียดนาม เกาหลี พม่า ลาว กัมพูชา เป็นต้น

ปณิตา แสงจันทร์ (Business Unit Director) บริษัท ร็อควูล (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มเล่าว่า

“ROCKWOOL เป็นผู้ผลิตฉนวนที่ใช้งานในกลุ่มงานอาคารและอุตสาหกรรมทำตลาดในประเทศไทยได้ 20กว่าปีแล้ว ธุรกิจในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องลูกค้าหลักเป็นกลุ่มงานอาคารและอุตสาหกรรม ยกตัวอย่าง งานกลุ่มอาคารจะใช้งานหลังคา ผนังกันไฟของตึกสูง ส่วนงานอุตสาหกรรมเช่น ปิโตรเคมี อุปกรณ์ที่ต้องรักษาอุณหภูมิต้องมีฉนวนไปหุ้มเพื่อคงประสิทธิภาพในการผลิต สำหรับภาพรวมผลประกอบการของปีที่แล้วเริ่มกลับมาเท่าก่อนช่วงที่เกิด COVID-19 แล้ว เพราะตลาดก่อสร้างเริ่มกลับมา”


เทรนด์อาคารประหยัดพลังงาน ดันการเติบโตสูง

ในประเทศไทยมีการเติบโตในทุกกลุ่ม ทั้งงานก่อสร้างอาคาร และงานอุตสาหกรรม แต่ที่เห็นการเติบโตมากที่สุดเห็นจะเป็นงานก่อสร้างอาคาร ด้วยข้อกฎหมาย BEC (Building Energy Code) ทำให้เห็นเทรนด์อาคารประหยัดพลังงานมากขึ้นส่งผลให้ฉนวนกันความร้อนเป็นสินค้าตอบโจทย์ช่วยทำให้ประหยัดค่าแอร์ได้รวมไปถึงฉนวนกันเสียงที่ใช้ในห้องประชุม โรงแรม คอนโด บ้านต่างๆ ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้

ปณิตา เล่าต่อว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของ ROCKWOOL เป็นกลุ่ม B2B เพราะต้องวางสเปคกับผู้รับเหมา แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้พยายามขยายตลาดผู้บริโภคทั่วไปเช่น ฉนวนกันความร้อนที่สามารถวางบนฝ้าได้เพื่อประหยัดค่าแอร์รวมไปถึงการเพิ่มผู้จัดจำหน่ายในประเทศเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น

“จริงๆ ตลาดฉนวนกันความร้อนในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ ลูกค้าค่อนข้างมีการรับรู้อยู่พอสมควร ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอากาศบ้านเรามันร้อน ค่าไฟโหดมาก พอพูดถึงฉนวนกันความร้อนทุกคนมีการรับรู้ที่ดี รู้จักอยู่แล้ว เพียงแค่โจทย์ใหญ่จะทำอย่างไรให้เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคได้เท่านั้นเอง”

ในช่วงปีที่ผ่านมา ROCKWOOL จึงมีแคมเปญการตลาดในช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อสื่อสารกับลูกค้า และสร้างการรับรู้ของฉนวนกันความร้อน ฉนวนกันไฟ มีการใช้ Influencer และ Youtuber ในการทำคอนเทนต์ต่างๆ เน้นสื่อสารถึงปัญหาในเรื่องของความร้อนของอาคาร และที่พักอาศัยรวมถึงปัญหาเรื่องเสียงรบกวนที่กระทบชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งฉนวนกันความร้อน ROCKWOOL สามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาในจุดนี้ได้ทั้งในงานโครงการใหญ่ อย่างเช่นห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงพยาบาล ที่พักอาศัย โรงงาน ตลอดจนบ้านที่อยู่อาศัยก็ใช้งานได้


ก้าวต่อไปด้วยความยั่งยืน

สำหรับแผนธุรกิจในปี 2023 บริษัทมีพัฒนาสินค้าตลอดเวลามีการออกสินค้าใหม่เรื่อยๆมีคุณสมบัติพิเศษตอบโจทย์ความต้องการนอกจากนี้ยังให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืนมีการตั้งปณิธานตั้งแต่ปี 2015 ว่าภายใน 15 ปี หรือในปี 2030 มีนโยบายด้านความยั่งยืนในหลายๆ ด้าน ได้แก่

1.ลดการปล่อยคาร์บอนตั้งเป้าลดให้ได้ 20% โดยตอนนี้ผ่านมา 8 ปี สามารถลดไปได้ 17% แล้ว มาจากการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน

2.ลดการทิ้งสินค้าไปฝังกลบตั้งเป้าลดให้ได้ 85% ตอนนี้ลดได้ 51% แล้ว โดยการเอาขยะกลับมาแปรรูปเป็น ฉนวนร็อควูลใหม่ โดยยังคงคุณสมบัติและประสิทธิภาพความเป็นฉนวน

3.นำสินค้ามารีไซเคิลตั้งเป้าทำให้ได้ 30 ประเทศทั่วโลกตอนนี้ทำไปได้แล้ว 19 ประเทศ และ ไทยกำลังเป็นประเทศที่ 20 โดยทุกครั้งที่มีการรื้อถอนอาคารจะมีการส่งฉนวนไปฝังกลบทาง ROCKWOOL จะไปรับฉนวนที่ใช้งานแล้ว และไม่ปนเปื้อนเอามาแปรรูปเป็นวัตถุดิบใหม่ และนำกลับมาใช้ใหม่ในการผลิต

ซึ่งแคมเปญใหญ่ของ ROCKWOOL ก็คือ ROCKCYCLE (ร็อคไซเคิล) วัตถุประสงค์เพื่อเป็นการลดขยะ ลดปัญหาการฝังกลบ และลดการใช้ทรัพยากรแคมเปญนี้มีแนวคิดเชื่อมต่อกับเป้าหมายความยั่งยืน17 ประการ (Sustainable Development Goals :SDGS) ในหัวข้อ Responsible Consumption and Production (การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน) และ Climate Action (การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ)

เป้าหมายของ ROCKWOOL คือ Zero landfill วิธีการหลัก คือ การนำฉนวนร็อควูลใช้แล้วที่ไม่ปนเปื้อนมาผ่านกระบวนการรีไซเคิลให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้ง จึงเป็นการช่วยลดขยะที่ถูกปล่อยสู่ธรรมชาติลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน

ROCKWOOL  มีการใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมมาตลอด จึงได้มีการพัฒนาทั้งกระบวนการผลิตให้ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ จนได้รับฉลากลดคาร์บอนประเภทพิจารณากระบวนการผลิต(Carbon Reduction Label) จาก TEI :มูลนิธิสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย

นอกจากนี้ยังได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Products) จาก TGO:องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทำให้ผู้บริโภคทราบว่า ตลอดวัฏจักรชีวิตของฉนวนร็อควูล มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาปริมาณเท่าไร

และในปี 2023 นี้ ROCKWOOL ได้รับการยกย่องให้เป็น1 ใน100 องค์กรระดับโลกที่ยั่งยืนที่สุดในโลก โดยอยู่ในอันดับที่16 จากองค์กรทั้งหมด ที่จัดขึ้น โดย Corporate Knights

ซึ่งบริษัทที่ติดอันดับโลก Global 100 ต้องเป็นผู้ที่มีผลงานโดดเด่นเรื่องความสามารถในการสร้างความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมโดยได้รับการประเมินและการคัดเลือกจาก6720 บริษัท นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ ROCKWOOL ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างความยั่งยืน

 FB : www.facebook.com/rockwoolthailand/

 Website : www.rockwool.com/th/