เดอะ คอฟฟี่ คลับ (The Coffee Club) เดินหน้าต่อยอดความสำเร็จบทใหม่ในฐานะร้านออลเดย์ไดนิ่งสัญชาติออสเตรเลียที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ หลังภาพรวมธุรกิจในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เติบโตต่อเนื่อง อันเป็นผลการผลักดันกลยุทธ์หลักเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และตอบรับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาดร้านอาหารแนวออลเดย์ไดนิ่ง ประเดิมด้วยการเปิดตัวซิกเนเจอร์ของร้านที่เลือกทานได้ตลอดทั้งวันอย่างเมนูอาหารเช้าใหม่ล่าสุด ได้แก่ Bacon and Egg Series 3 เมนูอาหารเช้าที่รังสรรค์ความอร่อยจากเบคอนชิ้นโต จับคู่มากับวัตถุดิบจากกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนอย่างไข่ไก่แบบไร้กรงขัง (Cage free eggs) อีกทั้งการปรับเล่มเมนูโฉมใหม่ทั้งหมดที่มาพร้อมสีสันและการจัดวางที่จะสร้างความตื่นเต้นและช่วยกระตุ้นยอดขาย ควบคู่ไปกับการรักษาและขยายฐานลูกค้าทั้งในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ ตลอดจนการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น
นางนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ ภายใต้การดำเนินการของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินงานของเดอะ คอฟฟี่ คลับ ที่ผ่านมายังคงมุ่งนำเสนอคอนเซปต์ของร้านแบบ “ออลเดย์ไดนิ่ง” ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศออสเตรเลียสู่ผู้บริโภคในประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับการส่งมอบเมนูอาหารที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบครัน ทั้งเมนูอาหารเช้าที่เลือกทานได้ตลอดทั้งวัน เมนูอาหารจานหลัก เบเกอรี ไปจนถึงขนมหวานและเครื่องดื่มนานาชนิด ที่มาพร้อมความใส่ใจการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ในการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสชาติดีได้ทุกเวลาในร้านที่ได้รับการตกแต่งอย่างดี ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหาสถานที่ที่สามารถสร้างโมเมนต์ดี ๆ ที่มีได้ทุกวันในทุกโอกาส
“ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาของปี 2566 เดอะ คอฟฟี่ คลับ มีการเติบโตของผลประกอบการในภาพรวมอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ ด้วยจำนวนผู้บริโภคชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ ประกอบกับการทำตลาดกับผู้บริโภคกลุ่มคนไทยให้เป็นที่รับรู้ในวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เดอะ คอฟฟี่ คลับ มีการเติบโตอยู่ที่ราว 97% เทียบจากระยะเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า และมีจำนวนลูกค้าภาพรวมเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 81% โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวหลักอย่างจังหวัดภูเก็ต ทำให้ เดอะ คอฟฟี่ คลับ ได้ต่อยอดความสำเร็จดังกล่าว ผ่านการเดินหน้าขยายสาขา โดยเฉพาะในเมืองสำคัญและแหล่งท่องเที่ยว เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ เช่น จังหวัดภูเก็ตที่ Old town และ Boat Lagoon ควบคู่ไปกับการเปิดสาขาใหม่ในรูปแบบ Grab and Go ซึ่งเน้นความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บริโภคคนไทยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้าจังซีลอน ภูเก็ต รวมถึงโรงพยาบาลกรุงเทพ โดยตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้ จะมี 42 สาขาทั่วประเทศไทย” นางนงชนก กล่าว
อย่างไรก็ดีในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่าร้านอาหารหรือคาเฟ่ในรูปแบบออลเดย์ไดนิ่ง กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในประเทศไทย เห็นได้จากการที่ในปัจจุบันมีร้านอาหารในลักษณะดังกล่าวเปิดใหม่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับพฤติกรรมการบริโภคในปัจจุบันที่หันมามองหาร้านอาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการครบจบในคราวเดียว ซึ่งยังรวมถึงเทรนด์การเลือกทานอาหารจากวัตถุดิบและกระบวนการผลิตที่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น ทำให้ในปีนี้ เดอะ คอฟฟี่ คลับ ได้วางกลยุทธ์เพื่อพาร้านก้าวสู่การเติบโตทางธุรกิจ ที่จะตอกย้ำตำแหน่งร้านออลเดย์ไดนิ่งสัญชาติออสเตรเลียชั้นนำในไทย
เริ่มต้นจาก การนำเสนอเมนูอาหารเช้าใหม่ ๆ จากวัตถุดิบแห่งความยั่งยืน ล่าสุดมาในคอนเซปต์ THE BACON CLUB: Bacon and Egg Series พบกับการรังสรรค์ความอร่อยของเบรกฟาสต์สไตล์ออสเตรเลีย ที่มีเบคอนชิ้นโตเต็มคำ ย่างจนได้เนื้อสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน หอมมันกลมกล่อมกำลังดี เสริมทัพความอร่อยด้วยพระเอกอย่างไข่ไก่เคจฟรี (Cage free eggs) ไข่ไก่คุณภาพคับฟองจากแม่ไก่อารมณ์ดีที่เลี้ยงแบบไม่ขังกรงตามแนวทางการสร้างความยั่งยืนใน Supply chain นำมาสู่มื้ออาหารเช้าแห่งความสุข เติมพลังงานและสารอาหารแบบเต็ม ๆ สร้างรอยยิ้มให้ผู้บริโภค กับ 3 เมนูใหม่ ได้แก่ เมนู Egg Benedict with Bacon Wrap ไข่ดาวน้ำพันเบคอน และเห็ด ราคาจานละ 280 บาท ตามมาด้วยเมนู Chunky Bacon with Smash Avocado ไข่ดาวน้ำเสิร์ฟพร้อม อะโวคาโดบด และเบคอนซอสคาราเมล เมเปิ้ล ราคาจานละ 390 บาท และเมนู Chunky Bacon on Toast ขนมปังบริออชและไข่ เสิร์ฟพร้อม เบคอนซอสคาราเมลเมเปิ้ล ราคา 390 บาท ซึ่งเมนูอาหารเช้าพิเศษนี้มีระยะเวลาจำหน่าย ระหว่างวันนี้ – 31 พฤษภาคม 2566 เท่านั้น
นอกจากนี้ เดอะ คอฟฟี่ คลับ ยังสร้างความตื่นเต้น สดใหม่ และดึงดูดให้ลูกค้า ด้วยการปรับโฉมเล่มเมนูใหม่ รวมถึงเพิ่มเติมเมนูน้องใหม่เอาใจคนรักสุขภาพอย่าง Smoke Salmon salad สลัดชามโตที่มาพร้อมผักสดหลายชนิดพร้อมแซลมอน รวมถึงการปรับเมนูอาหารอื่น ๆ ทั้งอาหารคาวและหวานให้มีความดึงดูดชวนรับประทานมากขึ้น เช่น แฟลท กริล์ล พาร์มาแฮม และผักร็อคเก็ต (Flat grill Parma Ham and Rocket) แฟลท กริล์ล ผักโขม และเห็ด (Flat grill Mushroom and Spinach) สลัดซีซาร์เสิร์ฟคู่ไข่ดาวน้ำและแอนโชวี (Caesar Salad) แพนเค้กมะพร้าว เสิร์ฟพร้อมกล้วยคาราเมล และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ (Coconut Pancake) ช็อกโกแลตลาวา (Chocolate Lava) ตลอดจน แพนเค้กเบอร์รีสไตล์โฮมเมด (Pancake with Biscoff Caramel and Mixed Berries) เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่หลากหลาย
ในขณะเดียวกัน เดอะ คอฟฟี่ ยังเดินหน้ารักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ต่อเนื่องทั้งในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติผ่านระบบ VIP Member ด้วยสิทธิพิเศษที่หลากหลายสำหรับลูกค้าที่เป็นสมาชิก อาทิ สิทธิพิเศษประจำเดือนเกิดสำหรับสมาชิก หรือสิทธิ์แลกเครื่องดื่มฟรีเมื่อสั่งเมนูอาหารที่ร่วมรายการ รวมถึงลูกค้าใหม่ รับสิทธิ์แลกเครื่องดื่มฟรี เมื่อทำการสมัครสมาชิกและกดรับสิทธิ์ผ่าน The Coffee Club Application
โดย เดอะ คอฟฟี่ คลับ พร้อมส่งมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารตอบโจทย์ลูกค้าทุกเพศ ทุกวัย ในทุกวันทุกโอกาส โดยคาดการณ์ว่าจากกลยุทธ์ข้างต้นทั้งหมดจะส่งผลให้ฐานลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติของร้านมีการเติบโตในสัดส่วน 50:50 สะท้อนการเป็นร้านออลเดย์ไดนิ่งแนวหน้าของประเทศไทยที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค นางนงชนก กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ เดอะ คอฟฟี่ คลับ (The Coffee Club) โทรศัพท์ 02-365-6999 เฟซบุ๊กแฟนเพจ https://www.facebook.com/thecoffeeclubthailand หรือเว็บไซต์ https://thecoffeeclub.co.th/