มองโอกาสมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ของ ‘Apple’ หลังเปิด ‘Apple Store’ แห่งแรกในอินเดีย

แม้จะทำตลาดในอินเดียมานานกว่า 25 ปี แต่หลังจากที่มีข่าวว่า Apple หมายมั่นปั้นมือที่จะใช้อินเดียเป็นฐานการผลิตใหม่แทนที่จีน ล่าสุด Apple ก็ได้เปิด ‘Apple Store’ แห่งแรกใน Bandra Kurla Complex ย่านการเงิน ศิลปะ และความบันเทิงอันคึกคักในนครมุมไบ โดยใช้ชื่อว่า Apple BKC ขณะที่ซีอีโออย่าง Tim Cook ก็มาเป็นประธานเปิดงานด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นว่า Apple ไม่ได้อยากได้อินเดียเป็นฐานการผลิต แต่อยากจะได้ตลาดอินเดียด้วย

อินเดียจะปั้นรายได้ 3 หมื่นล้านเหรียญให้ Apple

จริง ๆ แล้ว Apple น่าจะมีแผนที่จะเปิด Apple Store ในอินเดียมานานแล้ว เพราะย้อนไปปี 2019 Apple ก็ได้เปิดร้านออนไลน์ของตัวเองเป็นครั้งแรก หลังจากที่ขายผ่านคู่ค้ามาโดยตลอด แต่เพราะอุปสรรคด้านกฎระเบียบและการมาของ COVID-19 ทำให้แผนการเปิดร้านเรือธงล่าช้าออกไป ซึ่งหลังจากที่เปิดสาขาแรกไปแล้ว Apple ก็เตรียมเปิดสาขาสองในวันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน ที่กรุงนิวเดลีต่อเลย ยิ่งย้ำถึงความสำคัญของตลาดอินเดียมากขึ้นไปอีก

Jayanth Kolla นักวิเคราะห์จาก Convergence Catalyst มองว่า การเปิด Apple Store ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการลงทุนในอินเดีย โดย อินเดียถือเป็นตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ขณะที่ยอดขาย iPhone ในอินเดียก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในสามเดือนแรกของปีนี้ ยอดขายของ Apple ในอินเดียทำสถิติสูงสุดใหม่เกือบ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น Apple Store จึงแสดงให้เห็นว่าอินเดียมีความสำคัญต่อปัจจุบันและอนาคตของบริษัทมากขนาดไหน

นีล ชาห์ รองประธานฝ่ายวิจัยของบริษัทวิจัยตลาดเทคโนโลยี Counterpoint Research กล่าวว่า ประชากรเกือบ 700 ล้านคนจากทั้งหมด 1.4 พันล้านคนของอินเดียมีสมาร์ทโฟน จะเห็นจำนวนผู้ที่มีสมาร์ทโฟนยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าตลาดยังมีโอกาสเติบโตสูงมาก นอกจากนี้ ในจำนวนผู้ใช้สมาร์ทโฟนในอินเดียมีเพียง 4% เท่านั้นที่ใช้ iPhone

จะเห็นว่าสัดส่วนผู้ใช้ iPhone ยังมีอยู่น้อยมาก เพราะต้องยอมรับว่าราคาที่หนักหน่วงของ iPhone ทำให้ชาวอินเดียส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงได้ จึงเน้นไปที่สมาร์ทโฟนที่มีราคาจับต้องได้ ส่งผลให้ Xiaomi เป็นแบรนด์ที่ครองตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดียตามมาด้วย Samsung, Vivo, Real me และ Oppo

ในทางกลับกัน ยอดขาย iPhone ในประเทศกลับเติบโตได้เป็นเพราะความต้องการของกลุ่มชนชั้นกลางและชนชั้นสูงที่ร่ำรวย โดยหากนับเฉพาะตลาดสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมที่มีราคา 30,000 รูปีขึ้นไป (12,000 บาท) iPhone ได้ครอบครองส่วนแบ่งถึง 65% เลยทีเดียว ขณะเดียวกันกำลังซื้อของชาวอินเดียที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งแปลว่า iPhone ยังมีโอกาสอีกมากที่จะเติบโตในอินเดีย

เนื่องจากชนชั้นกลางในอินเดียจะมีฐานะร่ำรวยมากขึ้น และเลือกใช้สมาร์ทโฟนที่มีราคาสูงขึ้น อนุรัก รานา นักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence จึงคาดการณ์ว่า ยอดขาย iPhone ในอินเดียอาจ เพิ่มขึ้น 17% ต่อปีในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดย Apple จะมีรายได้จากการขายในอินเดียแตะ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ไม่ได้มาอินเดียเพราะแค่กระจายความเสี่ยง

การที่ Apple ผลักดันการค้าปลีกในอินเดียไปพร้อม ๆ กับการขยายการผลิต ไม่ได้มีสาเหตุมาจากที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจากจีนเท่านั้น แต่เหตุผลหลักที่ทำให้ Apple ต้องเพิ่มการผลิตในอินเดียก็คือ กฎหมายของอินเดียที่ปกป้องธุรกิจในประเทศ การที่ต่างชาติจะเข้าไปขายอะไร ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนมาแลก ดังนั้น Apple หากอยากขายของก็ต้องผลิต ซื้อวัสดุ-วัตถุดิบ และจ้างงานในประเทศด้วย ดังนั้น เมื่อ Apple เร่งขยายโรงงานผลิต iPhone และสินค้าอื่น ๆ ก็ถึงเวลาแล้วที่ Apple จะได้เปิด Apple Store ในประเทศอินเดียสักที

สำหรับ Apple ได้เริ่มใช้อินเดียเป็นฐานการผลิต iPhone SE ครั้งแรกในปี 2017 หลังจากนั้นก็ประกอบ iPhone หลายรุ่นจากประเทศนี้อย่างต่อเนื่อง จนมาในเดือนกันยายน 2022 ที่ผ่านมา Apple ได้ประกาศว่าจะเริ่มผลิต iPhone 14 ในอินเดีย ซึ่งถือเป็น iPhone รุ่นล่าสุด

ปัจจุบัน อินเดียผลิตไอโฟนได้เกือบ 13 ล้านเครื่องทุกปี เพิ่มขึ้นจากช่วง 3 ปีก่อนที่ผลิตได้ไม่ถึง 5 ล้าน ตามรายงานของ Counterpoint Research หรือคิดเป็นประมาณ 6% ของ iPhone ที่ผลิตทั่วโลก ขณะที่จีนยังคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90% ของการผลิต iPhone ทั้งหมดของโลก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอินเดียพยายามจะผลักดันให้อินเดียเพิ่มสัดส่วนการผลิตเป็น 25% ของจำนวนทั้งหมดภายใน 5 ปีจากนี้

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำหรับ Apple ในการใช้อินเดียเป็นฐานการผลิตก็คือ วัตถุดิบ ที่ส่วนใหญ่ต้องหาจากนอกอินเดีย ดังนั้น Apple จำเป็นต้องหาซัพพลายเออร์ในอินเดียหรือนำซัพพลายเออร์ของตนซึ่งตั้งอยู่ในประเทศต่าง ๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน ให้เข้ามาที่อินเดียเพื่อผลักดันการผลิต แต่ข้อดีของอินเดียที่มาหักลล้างก็คือ แรงงานถูก อีกทั้งรัฐบาลก็มีนโยบายสนับสนุนที่จะจูงใจให้เอกชนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน

“สำหรับ Apple ทุกอย่างเป็นเรื่องของเวลา พวกเขาไม่เข้าสู่ตลาดเต็มที่จนกว่าพวกเขาจะรู้สึกมั่นใจถึงการเติบโตของลูกค้า”

bloomberg / apnews / CNBC