MAKRO ประเดิมไตรมาส 1/2566 โชว์ผลงานเติบโตต่อเนื่อง ทำรายได้รวม 120,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% รับเศรษฐกิจและท่องเที่ยวฟื้นตัว

บมจ. สยามแม็คโคร (บริษัทฯ หรือ MAKRO) ประเดิมผลงานไตรมาส 1/2566 สดใส ทำรายได้รวม 120,222  ล้านบาทเติบโตต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมทำกำไรสุทธิ 2,166 ล้านบาท อันเป็นผลจากการวางแผนเชิงรุก ขยายสาขาใหม่และพัฒนาช่องทางขายออนไลน์ นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยบวกจากภาพรวมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัว อีกทั้งรับมือต้นทุนด้านพลังงานที่สูงขึ้น จากการเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทนที่ผลิตในสาขาทั้งแม็คโครและโลตัส 

นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร และประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจสายงานบัญชีและการเงิน เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 (มกราคม – มีนาคม) ว่า บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 120,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 111,418 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ  2,050 ล้านบาท เป็นผลมาจากธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ที่มีกำไร 1,897 ล้านบาท และค้าปลีก โลตัส ที่มีกำไร 269 ล้านบาท 

ภาพรวมการเติบโตในไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีปัจจัยบวกมาจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากการเปิดประเทศ ส่งผลให้ภาคธุรกิจบริการต่าง ๆ กลับมาคึกคัก โดยเฉพาะกลุ่มโฮเรก้า (Horeca) ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและจัดเลี้ยง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจค้าส่ง แม็คโคร

ขณะเดียวกัน ธุรกิจค้าส่งยังได้รับผลดีจากการขยายสาขาใหม่ โดยไตรมาสแรกของปีนี้ได้เปิดให้บริการแม็คโคร ฟูดเซอร์วิส สาขาสนามบินน้ำ มีพื้นที่ขายกว่า 3,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพ และมีการขยายตัวของโครงการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก และยังมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบัน ส่วนค้าปลีก โลตัส ได้เปิด พรีเมียมไฮเปอร์มาร์เก็ต โลตัส พรีเว่, โลตัสไฮเปอร์มาร์เก็ต สีคิ้ว และ โลตัส โก เฟรช 19 สาขา 

ในส่วนของการบริหารจัดการต้นทุนของธุรกิจ เน้นการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนเพื่อรับมือต้นทุนพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีการติดตั้ง แผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar rooftop) ในสาขาแม็คโครแล้วกว่า 76 สาขา ขณะที่โลตัสติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาไปแล้ว 566 สาขา รวม 642 สาขา คาดว่าภายในปี 2567 จะครอบคลุมกว่า 1,150 สาขา ซึ่งจะมีกำลังการผลิตคิดเป็นกว่า 13% ของการใช้พลังงานทั้งหมด

ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร กล่าวอีกว่า ได้วางแผนผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยการขยายสาขา และการเพิ่มยอดขายออนไลน์ ล่าสุดได้เปิดบริการแม็คโคร สาขาเทพรักษ์ เพื่อรองรับกำลังซื้อผู้บริโภคในย่านสายไหมเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และมีแผนเปิดสาขาใหม่ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง สำหรับ โลตัส วางแผนเปิดสาขาในปี 2566 จำนวนกว่า 200 สาขา พร้อมทั้งมุ่งพัฒนาช่องทางการขายออนไลน์และบริการจัดส่งสินค้านอกร้านแบบไร้รอยต่อ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ายุคปัจจุบัน ที่ต้องการความสะดวกสบายยิ่งขึ้