นับตั้งแต่ช่วงปี 2020 ที่ COVID-19 กำลังระบาดใหม่ ๆ หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้อานิสงส์ไปเต็ม ๆ ก็คือ เกม ซึ่งรวมไปถึง Nintendo Switch เครื่องเกมคอนโซลค่าย นินเทนโด (Nintendo) หรือปู่นินที่คนไทยเรียกกันจนคุ้นปาก อย่างไรก็ตาม พอสถานการณ์การระบาดเริ่มคลี่คลาย ยอดขาย Nintendo Switch ก็หดตัวตาม
นินเทนโด บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นได้รายงานผลกำไรและรายได้ของปีงบประมาณ 2023 (เมษายน2022-มีนาคม 2023) โดยมีรายได้ 1.6 ล้านล้านเยน ลดลง 5.5% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 4.32 แสนล้านเยน โดยลดลงมากกว่า 9% อย่างไรก็ตาม ถือว่าดีกว่าที่บริษัทคาดการณ์ไว้ว่าจะมีกำไรเพียง 3.7 แสนล้านเยน
สำหรับยอดขายของ Nintendo Switch อยู่ที่ 17.97 ล้านเครื่อง สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมียอดขายราว 18 ล้านเครื่อง ลดลงจากปีที่ผ่านมา 22% ที่มียอดขาย 23 ล้านเครื่อง โดยนินเทนโดระบุถึงสาเหตุที่ยอดขายลดลงว่า การขาดแคลนชิปและส่วนประกอบอื่น ๆ นั้นส่งผลต่อการผลิต นอกจากนี้ ยอดขายในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวก็ไม่ได้เติบโตอย่างที่คิด
อย่างไรก็ตาม ยอดขาย 18 ล้านเครื่องก็ยังไม่ใช่ จุดต่ำสุด โดยบริษัทคาดว่า ในปีงบประมาณ 2024 ยอดขายจะอยู่ที่ 15 ล้านเครื่อง เท่านั้น เช่นเดียวกับกำไรของบริษัทที่คาดว่าจะลดลง 21.4% อยู่ที่ 3.4 แสนล้านเยน
Serkan Toto ซีอีโอของ Kantan Games บริษัทที่ปรึกษาด้านเกมในโตเกียว มองว่า “ยอดขายของ Nintendo Switch ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วอย่างแน่นอน” เพราะไม่ใช่แค่หมดช่วงโควิด แต่เพราะตัว ฮาร์ดแวร์เก่าเกินไป ดังนั้น นินเทนโดควรมีเครื่องเกมใหม่ออกสู่ตลาดมาขาย
“เกมคอนโซลจะมีอายุไขของมัน และตอนนี้นินเทนโดก็ต้องการฮาร์ดแวร์ชิ้นใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขาย”
สำหรับ Nintendo Switch นั้นอยู่ในตลาดมานานกว่า 6 ปีแล้ว แม้ว่าที่ผ่านมานินเทนโดได้พยายามรีเฟรชคอนโซลด้วย Nintendo Switch Lite และรุ่นที่มีหน้าจอ Oled แต่ก็ช่วยกระตุ้นยอดขายได้เพียงช่วงสั้น ๆ เท่านั้น ต่างจากคู่แข่งอย่าง Sony ที่ออก Play Station 5 ลงสู่ตลาด โดยช่วยให้ Sony สามารถทำกำไรได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มียอดขายทะลุ 19.1 ล้านเครื่อง หลังจากวางขายได้เพียง 2 ปีกว่าเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กุญแจสำคัญสำหรับสร้างรายได้ให้กับนินเทนโด คือ ผู้ใช้ที่ชำระเงิน 114 ล้านรายต่อปี จากยอดขายเกม โดย Nintendo มียอดขายจากเกมที่ 213.96 ล้านหน่วย ลดลง 9% และในปีนี้ บริษัทคาดการณ์จะลดลงเหลือ 180 ล้านหน่วย