ผลของโลกร้อน เมล็ดกาแฟขาดตลาด ไม่เว้นแม้แต่โรบัสต้า หลังเก็บเกี่ยวได้น้อยลง

ภาพจาก Shutterstock

เมล็ดกาแฟโรบัสต้า ซึ่งเมล็ดกาแฟดังกล่าวมีราคาถูกกว่าเมล็ดกาแฟอาราบิก้า ซึ่งปกติไว้ใช้ทำกาแฟสำเร็จรูป หรือไว้ผสมกับกาแฟอาราบิก้าอีกที กำลังขาดตลาดโดยราคาขายส่งของเมล็ดกาแฟดังกล่าวทำราคาสูงสุดในรอบ 2 ปี และยังส่งผลบางส่วนทำให้อัตราเงินเฟ้อในบางประเทศเพิ่มขึ้น

สื่อในประเทศเวียดนามอย่าง Vietnam News รวมถึงสื่อธุรกิจอย่าง Bloomberg ได้รายงานข่าวว่าราคาเมล็ดกาแฟโรบัสต้านั้นได้ทำสถิติใหม่ เนื่องจากปริมาณเมล็ดกาแฟที่เข้ามาในตลาดโลกลดลง แม้ว่าเมล็ดกาแฟชนิดดังกล่าวจะมีรสชาติไม่สู้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าก็ตาม

สาเหตุสำคัญคือการเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟโรบัสต้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศส่งออกสำคัญลดลงอย่างมาก เช่น ในประเทศเวียดนามที่เป็นผู้ส่งออกหลักนั้นมีปริมาณเก็บเกี่ยวต่ำสุดในรอบ 4 ปี

แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาเวียดนามได้มีการผลักดันให้ปลูกกาแฟโดยเน้นไปยังการพัฒนาเมล็ดกาแฟให้เป็นออร์แกนิกส์มากขึ้น จากความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากลูกค้าในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ที่เสนอราคาดีกว่าเมล็ดกาแฟแบบปกติก็ตาม

อย่างไรก็ดีเกษตรกรในเวียดนามบางส่วนหันไปปลูกพืชชนิดอื่นอย่างเช่น ทุเรียน เพื่อส่งออกแทนกาแฟ เนื่องจากราคาดีกว่า และความต้องการของลูกค้าชาวจีนที่เพิ่มมากขึ้น

ไม่เพียงเท่านี้ ปริมาณฝนที่ตกหนักจากสภาวะโลกร้อนก็ส่งผลทำให้การเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟนั้นทำได้ลดลง ส่งผลทำให้ปริมาณส่งออกกาแฟของเวียดนามนับตั้งแต่ต้นปี 2023 จนถึง 15 เมษายน มีปริมาณส่งออกทั้งสิ้น 634,000 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 663,816 ตัน

ปัจจุบันประเทศที่ส่งออกเมล็ดกาแฟโรบัสต้ารายใหญ่นั้นอยู่ในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซียที่ส่งออกมากเป็นอันดับ 1 ของโลก ขณะที่บราซิลเองนั้นถือเป็นประเทศที่ส่งออกมากเป็นอันดับ 2 กลับประสบปัญหาตรงข้ามกับเวียดนาม เนื่องจากปัญหาอากาศที่แห้งแล้ง ส่งผลทำให้ปริมาณเก็บเกี่ยวกาแฟลดลง

และเมื่อปริมาณส่งออกที่น้อยลง นอกจากนี้ความต้องการกาแฟสำเร็จรูปที่มียอดขายในประเทศต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น ในประเทศอินเดีย และรวมถึงร้านกาแฟที่นำเมล็ดกาแฟโรบัสต้ามาผสมกับเมล็ดกาแฟอาราบิก้า เนื่องจากราคาที่ถูกกว่า และรสชาติไม่เปลี่ยนไปมากนัก

ผลที่เกิดขึ้นทำให้ราคาซื้อขายเมล็ดกาแฟโรบัสต้าล่วงหน้าในตลาด ICE Futures Europe เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมานั้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 40% เฉลี่ยอยู่ที่ 2,564 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 86,500 บาท และทำให้ราคากาแฟในหลายประเทศเพิ่มมากขึ้น อย่างเช่นในเยอรมัน หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกา

ที่มา – Bloomberg, Vietnam News