‘Netflix’ เร่งเครื่องปราบ ‘สายแชร์’ ระลอก 3 ทั่วโลก หวังหยุดการสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้

ภาพจาก Shutterstock
หลังจากที่ได้ทดลองใช้มาตรการ “ห้ามแชร์รหัสผ่าน” ไปในหลายประเทศตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา อาทิ สเปน โปรตุเกส แคนาดา นิวซีแลนด์ และ อาร์เจนตินา ล่าสุด Netflix ก็ได้เดินหน้าลุยต่อเนื่อง โดยล่าสุดประเทศใหญ่อย่าง สหรัฐอเมริกา ก็ถึงคิว รวมถึง ไทย เองก็ไม่รอด

แม้ว่า แผนการปราบปรามการแชร์บัญชีล่าช้า ไปสักหน่อย เพราะจริง ๆ แล้ว Netflix ต้องการที่จะเดินหน้ามาตรการดังกล่าวไปให้แล้วเสร็จตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี แต่ในที่สุดแพลตฟอร์มก็ได้ส่งอีเมลแจ้งเตือนผู้ใช้ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะใน สหรัฐอเมริกา รวมถึง ไทย ว่าต้องตั้งค่าตำแหน่งที่อยู่หลักของผู้ใช้ และหากต้องการแชร์บัญชีผู้ใช้ต้องจ่ายเพิ่ม

ช่วงต้นปีที่ Netflix ได้เปิดเผยถึงสาเหตุสำคัญที่ต้องเดินหน้าปราบการแชร์บัญชีการใช้งานเนื่องจากพบว่า มีครัวเรือนมากกว่า 100 ล้านครัวเรือน ที่ใช้บัญชีร่วมกันที่บริการหรือคิดเป็นประมาณ 43% ของจำนวนผู้ใช้ ซึ่งนั่นทำให้แพลตฟอร์มสูญเสียรายได้ที่ควรจะได้ ซึ่งนั่นส่งผลกระทบต่อความสามารถในลงทุนผลิตคอนเทนต์

ในช่วงแรกที่แพลตฟอร์มได้ออกมาตรการดังกล่าว สเปน ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่ค่อนข้างชัดเจน โดยผลสำรวจจาก Kantar Worldpanel พบว่า จำนวนสมาชิกหายไปถึง 1 ล้านรายในเดือนเดียว อย่างไรก็ตาม Netflix มองว่า เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น และหากดูภาพรวมทั่วโลก Netflix ยังคงสามารถ เพิ่มลูกค้าได้ 1.75 ล้านรายในช่วงไตรมาสแรก

“มีการยกเลิกสมาชิกหลังจากมีการประกาศข่าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตในระยะสั้น แต่เราพบว่า สมาชิกที่ยืมรหัสผ่านเหล่านั้นจะเปิดใช้งานบัญชีของตนเองในภายหลัง และเพิ่มสมาชิกที่มีอยู่เป็นบัญชีสมาชิกพิเศษ ส่งผลให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น”

นอกเหนือจากการปราบปรามการแบ่งปันรหัสผ่านแล้ว Netflix ยังเพิ่งเปิดตัวแพ็กเกจโฆษณาที่ถูก เพื่อพยายามเพิ่มรายได้ นอกจากนี้ Netflix ยังพยายามปรับลดต้นทุน ไม่ว่าจะเป็นการลดคนหรือแผนกผลิตคอนเทนต์ที่ไม่จำเป็น ซึ่งในปัจจุบันแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งแทบทุกรายต่างก็พยายามจะหาวิธีการทำกำไรและลดต้นทุนให้กับแพลตฟอร์ม

สำหรับมาตรการห้ามแชร์รหัสผ่านนั้น แพลตฟอร์มจะดูจากเลข IP Address รหัสของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ หรือใช้วิธีตรวจสอบว่า ผู้ใช้ล็อกอินจากอุปกรณ์เดิมหรือไม่ และอาจใช้วิธีส่งเลข OTP ไปเพื่อให้ยืนยันตัวตนภายใน 15 นาที หรือถ้าไปในพื้นที่อื่น ๆ ก็ต้องกลับมาล็อกอินบัญชีด้วย wifi ของบ้าน ภายในกรอบเวลาที่กำหนด (31 วัน)

ดังนั้น ถ้าใครอยากจะแชร์รหัสกับผู้อื่น จะต้องเสียค่าบริการเพิ่ม 99 บาท/เดือน สำหรับผู้ใช้แพ็กเกจมาตรฐาน (349 บาท/เดือน) จะสามารถสมาชิกเสริมได้ 1 คน ส่วนแพ็กเกจพรีเมียม (419 บาท/เดือน) จะเสริมสมาชิกเสริมได้ 2 คน ทั้งนี้ ผู้ที่ใช้แพ็กเกจผ่านพันธมิตร เช่น โปรโมชันที่มาจากค่ายมือถือ จะไม่สามารถเพิ่มจำนวนสมาชิกได้