ลอรีอัล กรุ๊ป (L’Oréal) นำเสนอวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอนาคตของการศึกษาเกี่ยวกับโรคผิวหนัง พร้อมเผยผลงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ล่าสุดเพื่อสุขภาพของผิวพรรณ ในการประชุมแพทย์ผิวหนังโลก World Congress of Dermatology ครั้งที่ 25 หรือ WCD ซึ่งจัดขึ้นที่สิงคโปร์ การประชุม WCD ครั้งนี้มีแพทย์ผิวหนัง นักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัยทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 11,000 คน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความก้าวหน้าล่าสุดเกี่ยวกับการศึกษาโรคผิวหนัง
งานวิจัยชิ้นสำคัญจาก L’Oréal Dermatological Beauty
L’Oréal Dermatological Beauty หรือแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางของลอรีอัล กรุ๊ป ได้เผยผลงานวิจัยระดับโลกด้านสุขภาพผิวพรรณ 2 งาน ซึ่งจัดทำโดยลา โรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) และวิชี่ (Vichy) ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือลอรีอัล กรุ๊ป
- ลา โรช-โพเซย์[1]ได้สำรวจกลุ่มคนจำนวน 48,000 คนใน 34 ประเทศ ซึ่งเป็นการวิจัยครั้งใหญ่ที่สุดในหัวข้อนี้ที่เคยจัดทำขึ้น โดยสำรวจผลพบว่า 50% เผชิญกับภาวะผิดปกติของเม็ดสีผิวเช่น โรคด่างขาว, รอยดำที่เกิดขึ้นภายหลังผิวหนังอักเสบและฝ้า และเกือบ 1 ใน 3 (28%) ระบุว่าภาวะผิดปกติของเม็ดสีผิวมีผลกระทบที่รุนแรงต่อคุณภาพชีวิตของตนเอง และ 44% ของผู้ที่มีภาวะผิดปกติของเม็ดสีระบุว่า ตนเองต้องทำการปกปิดส่วนผิวหนังที่มีภาวะผิดปกติ
- วิชี่ได้สำรวจผู้หญิง 20,000 คนจาก 20 ประเทศ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ผู้หญิง 72% รู้สึกว่า การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนส่งผลกระทบด้านลบต่อสุขภาวะความเป็นอยู่ของตนเอง และผู้หญิงส่วนใหญ่ (3 ใน 4) ระบุว่า ปัญหาผิวพรรณมักจะเกิดขึ้นหรืออาการเลวร้ายมากยิ่งขึ้นในช่วงที่มีประจำเดือน
ลอรีอัล กรุ๊ป ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์กว่า 4,000 คนและผ่านการรับรองโดยแพทย์ผิวหนังมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ ๆ ที่จะช่วยวินิจฉัย ป้องกัน และจัดการกับภาวะผิดปกติของผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น ลอรีอัลได้นำนวัตกรรมเพื่อการปกป้องผิว การป้องกันแสงแดด การเปลี่ยนแปลงของสีผิว และความร่วงโรยของผิวพรรณซึ่งวางอยู่บนพื้นฐานของหลักการด้านความยั่งยืนและการยอมรับในความหลากหลายและแตกต่างมานำเสนอในการประชุมแพทย์ผิวหนังโลกครั้งนี้
นวัตกรรมส่วนผสมใหม่ และส่วนผสมพัฒนาจากหลักการวิทยาศาสตร์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Sciences)
เม็กโซริล 400 (Mexoryl 400) ส่วนผสมสำคัญที่ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วในผลิตภัณฑ์กันแดด ยูวีมูน 400 ของลาโรช-โพเซย์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีตัวแรกของลอรีอัลที่ปกป้องผิวจากรังสียูวีเอที่มีความยาวคลื่นสูง (ultra-long UVA) และป้องกันความเสียหายของผิวที่เกิดจากแสงแดด มลภาวะจากแสงแดด รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของยีนส์ที่สามารถนำไปสู่การเกิดมะเร็งผิวหนัง
โปร-ไซเลน (Pro-Xylane) โดยลอรีอัล ปารีส เป็นส่วนผสมที่มีสารออกฤทธิ์ตัวแรกที่พัฒนามาจากวิทยาศาสตร์เพื่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งผลิตจากน้ำตาลธรรมชาติที่พบในต้นบีช โปร-ไซเลนได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว และโมเลกุลโปร-ไซเลนก็ได้รับการจดสิทธิบัตร และเป็นส่วนผสมเพื่อการชะลอวัยที่เป็นเลิศของลอรีอัล
มาเดคาสโซไซด์ (Madecassoside) ส่วนผสมในโบม ซีคาพลาสต์ บี 5 ของลาโรช-โพเซย์ (Baume Cicaplast B5 by La Roche-Posay) ผลิตมาจากใบของต้นบัวบก น้ำ และเอธานอลจากอ้อย สารสกัดจากใบบัวบกนี้ขึ้นชื่อว่ามีคุณสมบัติช่วยปลอบประโลมและต่อต้านการอักเสบ และช่วยรักษาผิว
ลอรีอัล กรุ๊ป มีส่วนร่วมในการประชุมประชุมแพทย์ผิวหนังโลกพร้อมกับนำเสนอข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆที่เกี่ยวข้องกับความกังวลในเรื่องผิวพรรณจากทั่วโลกเพื่อเติมเต็มและงานที่มีความสำคัญของชุมชนศาสตร์ของโรคผิวหนัง และด้วยการวิจัยที่ครอบคลุม การคิดค้นนวัตกรรม และการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในด้านเทคโนโลยี ทำให้ลอรีอัล กรุ๊ปสามารถจัดการกับความกังวลเรื่องผิวและผมที่เป็นปัญหาเร่งด่วนที่สุดของผู้คนได้ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดจุดด่างดำไปจนถึงการป้องกันแสงแดด ปัญหาสิว ผิวแห้ง และอื่นๆ จึงทำให้ผู้คนมีความสุขกับผิวที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
“ด้วยความร่วมมือกับกลุ่มแพทย์ผิวหนัง เรากำลังยกระดับสุขภาพผิวให้กับทุก ๆ คนท่ามกลางความหลากหลายที่ไม่มีขีดจำกัด และด้วยการช่วยเพิ่มความรู้ทางวิทยาศาสตร์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ยั่งยืน และบริการที่ดีขึ้น รวมทั้งสนับสนุนผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือ เราจึงช่วยขยายช่องทางในการเข้าถึงสุขภาพผิวพรรณไปยังผู้คนทั่วทั้งโลกใบนี้ได้มากกว่าที่เคย” มิเรียม โคเฮน-เวลกรีน (Myriam Cohen-Welgryn) ประธานแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางระดับโลก ลอรีอัล กรุ๊ป กล่าว
[1]ด้วยความร่วมมือกับอิปซอส (Ipsos) ผู้เข้าร่วมสำรวจภาวะผิดปกติของเม็ดสีผิวด้วยตนเอง