หลังจากที่ เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ผู้นำในตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งของโลกได้ออกมาตรการห้าม แชร์รหัสผ่าน จนทำให้จำนวนผู้ใช้ช่วง Q2/2023 เพิ่มขึ้นถึง 5.9 ล้านราย ทำให้สตรีมมิ่งรายใหญ่อย่าง ดิสนีย์พลัส (Disney+) ก็ขอเดินตามรอยรุ่นพี่ เตรียมออกมาตรการห้ามแชร์รหัสผ่านบ้าง
Bob Iger ซีอีโอ ดิสนีย์ กล่าวว่า บริษัทกำลังสำรวจการแชร์บัญชีของผู้ใช้และจะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายที่จะ ควบคุมการแชร์รหัสผ่านของผู้ใช้ ในปลายปีนี้ ก่อนที่จะออกมาตรการป้องกันการแชร์รหัสผ่านภายในปี 2024 อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้เปิดเผยว่าจะใช้วิธีใดเพื่อลดการใช้บัญชีร่วมกัน
“แน่นอนว่าเราเชื่อว่ามาตรการป้องกันการแชร์รหัสผ่านจะส่งผลต่อการเติบโตของสมาชิกแน่นอน แต่เราไม่ได้คาดเดาได้ว่าจะเป็นในทางไหน”
โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยเหตุผลที่เหมือนกับบริการสตรีมมิ่งรายอื่น ๆ ก็คือ เพิ่มกำไร เพราะนอกจากมาตรการดังกล่าวแล้ว บริการสตรีมมิ่งหลายรายพยายามลดค่าใช้จ่ายในการผลิตคอนเทนต์ รวมถึงการออกแพ็กเกจราคาถูกลงโดยเพิ่มโฆษณาเข้ามา ซึ่งปัจจุบัน ดิสนีย์กำลังทำทั้งหมด
นอกจากนี้ ดิสนีย์ยัง ขึ้นราคา บริการสตรีมมิ่งเกือบทั้งหมด โดยแพลตฟอร์ม Disney+ แบบไม่มีโฆษณาจะมีราคา 13.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (ราว 490 บาท) เพิ่มขึ้น 27% ส่วน Hulu เพิ่มขึ้นเป็น 17.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (ราว 630 บาท) เพิ่มขึ้น 20% ส่วนแพ็คเกจโฆษณาของทั้ง 2 บริการยังมีราคาเท่าเดิม ส่วนค่าบริการรายเดือนในไทยมีการปรับเป็น 289 บาท และรายปีปรับเป็น 2,290 บาท ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายที่ผ่านมา
ทั้งนี้ Netflix ถือเป็นผู้บุกเบิกในการออกมาตรการป้องกันการแชร์รหัสผ่าน เนื่องจากพบว่ามากกว่า 100 ล้านครัวเรือนหรือประมาณ 43% ของฐานผู้ใช้ทั่วโลกใช้บัญชีร่วมกัน และด้วยเหตุนี้ได้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการลงทุนในคอนเทนต์ใหม่ ๆ ซึ่งหลังจากที่ Netflix ออกมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้ในช่วง Q2/2023 เพิ่มขึ้น 5.9 ล้านราย