TCMA คว้ารางวัลสมาคมการค้าดีเด่น ประจำปี 2566

สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) เข้ารับรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ “สมาคมการค้าดีเด่น ประจำปี 2566” จัดโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในงานสัมมนาใหญ่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประจำปี 2023Connect-Competitive-Sustainable เปิดผลงานที่สร้างการยอมรับจากภารกิจขับเคลื่อน Thailand 2050 Net Zero Cement & Concrete Roadmap เดินหน้าร่วมมือทุกภาคส่วนลดก๊าซเรือนกระจก สนองตอบนโยบายของประเทศเพื่อรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านภูมิอากาศ (Climate Emergency)

ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (Thai Cement Manufacturers Association: TCMA) เปิดเผยว่า TCMA มีความภาคภูมิใจ และเป็นเกียรติกับรางวัล “สมาคมการค้าดีเด่นประจำปี 2566 ”โดย นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ให้เกียรติมอบรางวัล เพื่อเชิดชูเกียรติสมาคมการค้าที่มีการบริหารจัดการเป็นเลิศก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสมาชิกสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงาน และผ่านเกณฑ์การประเมินศักยภาพขับเคลื่อนประสิทธิภาพองค์กร ตามแนวทาง Balanced Scorecard ครอบคลุม 4 มิติ ได้แก่ด้านความสำเร็จตามพันธกิจ ด้านความสามารถในการบริหารจัดการ ด้านคุณภาพการให้บริการ และด้านการพัฒนาองค์กร

“รางวัลสมาคมการค้าดีเด่น ประจำปี 2566 ที่ TCMA ได้รับนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นตั้งใจของ TCMA ที่ได้ผลักดันให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ร่วมเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนตอบสนองเป้าหมายนโยบายลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ผ่านการดำเนินงาน Thai Cement Climate Actions and Collaboration towards Net Zero 2050 โอกาสนี้ ต้องขอขอบคุณสมาชิก TCMA ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ชั้นนำของไทยทุกราย ที่ร่วมกันดำเนินงานอย่างเข้มแข็งจนมีความก้าวหน้าเป็นที่ประจักษ์ ขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม ภาควิชาชีพ ภาคการศึกษา ภาคสังคม ที่เข้ามาสนับสนุนร่วมดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญ ขอขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นถึงความสำคัญต่อการทำงานของ TCMA และมอบรางวัลสมาคมการค้าดีเด่น ประจำปี 2566 ด้านความสำเร็จตามพันธกิจและด้านคุณภาพการให้บริการซึ่งเป็นการเสริมสร้างกำลังใจที่สำคัญแก่ TCMA ที่จะมุ่งมั่นเดินหน้าขับเคลื่อนการทำงาน ตามเป้าหมาย Thailand 2050 Net Zero Cement & Concrete Roadmap เพื่อร่วมกันสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคอุตสาหกรรม และสร้างความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ รวมทั้งจะสามารถรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านภูมิอากาศ (Climate Emergency) ซึ่งเป็นวาระสำคัญในระดับโลกที่ต้องร่วมมือกันดำเนินงานอย่างจริงจัง” ดร.ชนะ กล่าว