เจ เวนเจอร์สเดินหน้าขับเคลื่อนดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันให้กับองค์กรธุรกิจ จับมือ “สุกี้ตี๋น้อย” เตรียมพร้อมรับการเติบโตด้วยเทคโนโลยี Web3.0 เน้นย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจร้านอาหาร นำแพลตฟอร์มเชื่อมต่อสู่ลูกค้าทุกสาขา
ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (J Ventures) ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีและดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันในกลุ่มเจมาร์ท กรุ๊ป (Jaymart Group) กล่าวว่า “ในฐานะที่เป็นผู้พัฒนาและสร้างสรรค์ DX หรือดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันสู่ธุรกิจให้แก่กลุ่มบริษัทเจ มาร์ท และพันธมิตรอื่นๆ เรามีความพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีที่เรามี ได้แก่ บล็อกเชน แพลตฟอร์ม คือ JFIN Chain และ Business NFT เข้ามาช่วยทรานสฟอร์มให้กับ “สุกี้ตี๋น้อย” พันธมิตรของเรา
ซึ่งเจ เวนเจอร์สเองมีเครื่องมือหลักที่จะเชื่อมต่อสู่ลูกค้าผ่านบล็อกเชนแอปพลิชัน “Join” ที่ทำงานบน JFIN Chain มาเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการนำพาทุกคนก้าวสู่โลก Web3 ด้วยการสร้างและเชื่อมต่อ Mini App รวมถึงการทำ Customer Experience Management ร่วมกับ Loyalty Program โดยใช้ NFT เป็นเครื่องมือเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับโลก Web3 แบบไร้รอยต่อจึงได้ออกแบบระบบในเฟสแรกในรูปแบบ Hybrid ผสมผสานระหว่างการงานแบบ Web2 + Web3 สอดคล้องไปกับพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าส่วนมาก คือเข้าใช้งานผ่าน LINE OA โดยไม่ต้องรู้สึกว่าถูกปรับเปลี่ยนใดๆ นอกจากนี้ด้วยเทคโนโลยี NFT ที่เรามีจะเข้ามาช่วยจัดการระบบ Customer Experience และ Customer Engagement โดยนำเอาคุณสมบัติของ NFT มาใช้ในการบริหารจัดการกิจกรรมและสิทธิพิเศษต่างๆ แก่ลูกค้าของตี๋น้อยที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตและเร็วๆ นี้ ทุกท่านจะได้รับประสบการณ์ Web3 ผ่านกิจกรรมฉลองครบรอบ 6 ปีสุกี้ตี๋น้อยโดยนำเอา NFT Ticket มาใช้งานจริง
ด้วยแพลตฟอร์มของเจ เวนเจอร์ส จะเข้ามาช่วยปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการจัดการของร้านสุกี้ตี๋น้อยในแต่ละสาขา อีกทั้งเรายังพร้อมที่จะช่วยทรานสฟอร์มระบบหลังบ้าน กับพนักงานของบริษัทให้พวกเขาได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน”
ด้านนัทธมน พิศาลกิจวนิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของสุกี้ตี๋น้อยกล่าวว่า “บริษัทเรามีความพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล ด้วยการเติบโตและความนิยมในช่วงที่ผ่านมาของร้านสุกี้ตี๋น้อยทำให้เราต้องบริหารจัดการในหลายส่วน และเราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเราต้องการนำเทคโนโลยีหลายอย่างมาช่วยทำงานการที่มีเจ เวนเจอร์สเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรหลักในการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันนั้นจะช่วยเราได้มาก ไม่ใช่แค่เพียงการใช้เทคโนโลยีหน้าร้าน แต่ยังจะมีการนำแพลตฟอร์มต่างๆ มาช่วยบริหารงานบุคลากรหลังบ้านของเราให้แข็งแรงพร้อมรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทเรา”
สำหรับเฟสถัดไปจะมีการนำเอาเทคโนโลยี AI มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและพัฒนากระบวนการทำงาน (Process Improvement) ของแต่ละสาขาได้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งความร่วมมือนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการทำดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชันบนระบบบล็อกเชน JFIN Chain และออกแบบการทำงานจาก Human centric โดยทั้งเจ เวนเจอร์ส และบี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป รวมถึงพันธมิตรในกลุ่มเจ มาร์ท กรุ๊ป มาร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้ตอบรับไปกับความต้องการของทั้งลูกค้าและบุคลากรในองค์กรอย่างแน่นอน