บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เตรียมเดินหน้าสู่หมุดหมายแห่งความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์กับการเปิดตัว บีเอ็ม ดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย โรงงานผลิตอะไหล่และชิ้นส่วนภายในประเทศสำหรับการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ณ จังหวัดระยอง ซึ่งนับเป็นบริษัทที่สี่ภายใต้เครือบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป โรงงานดังกล่าวจะสามารถผลิตชิ้นส่วนสำคัญของมอเตอร์ไซค์ อาทิ ฝาสูบ อ่างน้ำมันเครื่อง เครื่องยนต์ เพลาขับ ล้อ โครงรถ และสวิงอาร์ม สำหรับประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ณ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จังหวัดระยอง โดยบีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้เริ่มดำเนินงานอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา
มร. คนุท โบลกแคร์ กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ไม่ได้เป็นเพียงแค่ก้าวย่างที่สำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการสานต่อคำมั่นสัญญาที่เรามีให้กับประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งการลงทุนครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย พร้อมเสริมความแข็งแกร่งในฐานะผู้ผลิตที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
ด้านคุณนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้กล่าวว่า “ในนามสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผมขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย การขยายการลงทุนในครั้งนี้ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่บีเอ็มดับเบิลยูมีต่อประเทศไทย ทั้งด้านสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน โครงสร้างพื้นฐานที่ดี บุคลากรที่มีทักษะขั้นสูง รวมถึงที่ตั้งเป็นจุดยุทธศาสตร์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยูทั้งในแง่ของการสร้างนวัตกรรม การพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน และการมุ่งสู่ความยั่งยืน นับว่ามีบทบาทสำคัญต่อการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในฐานะผู้นำของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค”
บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะเป็นผู้จัดหาอะไหล่และชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์ที่สำคัญเพื่อสนับสนุนการประกอบมอเตอร์ไซค์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จังหวัดระยอง การลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่โรงงานผลิตแห่งใหม่ในครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,350 ล้านบาท นับเป็นการเน้นย้ำถึงข้อได้เปรียบด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทยซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป โดยมีปัจจัยสนับสนุนการตั้งฐานการผลิตแห่งนี้หลายปัจจัย อาทิ ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยและการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในการเร่งขยายการดำเนินธุรกิจภายในประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ยังจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของการจ้างงาน การถ่ายทอดความรู้ และการฝึกอบรมทักษะต่าง ๆ
ด้วยเม็ดเงินการลงทุนกว่า 2,350 ล้านบาท บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันกับโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ในจังหวัดระยอง ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 11,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถให้กำลังการผลิตมากสุดที่ 80,000 ชิ้นต่อปี และสร้างการจ้างงานได้มากกว่า 160 ตำแหน่ง ในช่วงแรกเริ่มของการผลิต
การเปิดตัวของบีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เพราะเป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด แห่งแรกที่ตั้งอยู่นอกประเทศเยอรมนี โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีที่มีมาตรฐานสูงและมีความซับซ้อน เพื่อส่งมอบการผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่มอเตอร์ไซค์คุณภาพสูง สานต่อความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ในการขยายการประกอบมอเตอร์ไซค์รุ่นอื่น ๆ ในอนาคต รวมถึงการลงทุนเพิ่มเติมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การก่อตั้งบีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ยังช่วยเสริมสร้างความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อประเทศไทย สะท้อนความทุ่มเทของบริษัทที่จะร่วมขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยไปข้างหน้า ความร่วมมือกับบีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ในจังหวัดระยอง ยังจะช่วยทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน พร้อมปรับปรุงกระบวนการโลจิสติกส์ต่าง ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้เครือข่ายการผลิตในภาพรวมภายใต้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และกำหนดทิศทางกลยุทธ์ของบริษัทในอนาคต ซึ่งการขยายธุรกิจในครั้งนี้ยังสอดรับกับวิสัยทัศน์ระยะยาวของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่ต้องการขยายธุรกิจในประเทศไทยในฐานะตลาดเชิงกลยุทธ์ที่มีความสำคัญอีกด้วย