แม้ว่าครึ่งปีแรกอาณาจักร ‘LVMH’ เครือลักชัวรีอันดับหนึ่งของโลกที่มีแบรนด์ในมือ อาทิ Louis Vuitton, Christian Dior Couture, Fendi จะมีรายได้ที่ปังสวนทางเศรษฐกิจโลก แต่ในไตรมาส 3 การเติบโตกลับลดลง จนทำให้เจ้าของอย่าง เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ร่วงจากตำแหน่งมหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลกมาเป็นที่ 2
หลังจากที่กลุ่ม LVMH มหาอำนาจสินค้าลักชัวรีจากฝรั่งเศสรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยยอดขายเติบโต 9% ลดลงจากเดิมที่อยู่ที่ 17% ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดในบรรดาแบรนด์หรูยักษ์ใหญ่ของยุโรปลดลงประมาณ 20% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
ส่งผลให้หุ้นของ LVMH ปรับลดลง 8.5% ทำให้ปัจจุบัน ความมั่งคั่งของ เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ LVMH ลดลง 6.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 1.551 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าของ เจฟฟ์ เบซอส ซีอีโอของ Amazon ที่มีความมั่งคั่ง 156.3 แสนล้านดอลลาร์ ตามดัชนี Bloomberg Billionaires Index
ความมั่งคั่งของอาร์โนลต์ที่ลดลง สะท้อนให้เห็นถึงยอดขายที่ซบเซาซึ่งส่งผลกระทบต่อสินค้าฟุ่มเฟือยในปีนี้ เนื่องจากความต้องการที่ลดลงจากผู้บริโภคในสหรัฐฯ และเศรษฐกิจจีนก็ยังไม่ฟื้นตัวดี ส่งผลให้หุ้น LVMH ร่วงลงประมาณ 10% ในในช่วงสามวันหลังจากรายงานผลประกอบการ ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นในวันจันทร์ และลดลง 1.9% ในปีนี้
ที่ผ่านมา อาร์โนลต์กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในช่วงปลายปี 2022 โดยแซงหน้า อีลอน มัสก์ เจ้าของ Tesla อย่างไรก็ตาม ในวันที่หุ้นของ LVMH ตก แต่หุ้นเทคโนโลยีกลับฟื้นตัว ทำให้ทั้งเจฟฟ์ เบซอส และอีลอน มัสก์ ได้รับประโยชน์ โดย มัสก์ได้เพิ่มเงินเพิ่มอีก 96.8 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากหุ้นของ Tesla พุ่งสูงขึ้น 106% ส่วนของเบซอส เติบโตขึ้น 49.3 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ ควบคู่ไปกับหุ้น Amazon ที่พุ่งขึ้น 58%