KBank Private Banking (เคแบงก์ ไพรเวทแบงกิ้ง) ประเมินเศรษฐกิจโลกในโค้งสุดท้ายของปี ยังอยู่ในแนวโน้มหดตัว ด้านตลาดทุนยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน ราคาสินทรัพย์ในตลาดแทบทุกประเภทยังคงผันผวน นักลงทุนอาจจะไม่สามารถสร้างผลตอบแทนตามที่คาดหวังได้จากการลงทุนในตลาด จึงแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์นอกตลาด (Private Asset) ล่าสุดร่วมกับ KAsset และ Schroders Capital นำเสนอโอกาสการลงทุนหุ้นนอกตลาดในจีนที่มีมูลค่าการระดมทุนสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ผ่านกองทุนเปิดเค ไชน่า ไพรเวทอิควิตี้ 23A ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย (K-CHAPE23A-UI) ที่เน้นลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี สุขภาพ และการบริโภคที่รองรับผู้บริโภคจีนจำนวนมหาศาล และสอดคล้องกับแผนการพัฒนาของรัฐบาลจีน คาดว่าจะมีศักยภาพและกลายมาเป็นกลุ่มบริษัทที่เป็นผู้นำตลาดในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่มากกว่า
ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ Senior Managing Director, Private Banking Business Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เมื่อพูดถึงการลงทุนในจีน เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีความกังวล แม้รัฐบาลจีนยังคงเพิ่มความพยายามอย่างต่อเนื่อง ในการพลิกฟื้นตลาดหุ้นที่กำลังเผชิญกับความเปราะบาง อย่างไรก็ดี KBank Private Banking มองว่าจีนเป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าสนใจในการเข้าลงทุนในหุ้นนอกตลาดเนื่องจากตลาดหุ้นนอกตลาดจีนมีมูลค่าการระดมทุนสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลก โดยในปี 2565 จำนวนเม็ดเงินระดมทุนสูงถึง 3.21 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (11.7 ล้านล้านบาท) ซึ่งคิดเป็นการเติบโตสูงถึง 900% เมื่อเทียบกับเม็ดเงินระดมทุนในช่วง 10 ปีก่อนหน้า อีกทั้งรัฐบาลจีนมีมาตรการสนับสนุนที่ผ่อนคลายเกณฑ์การจดทะเบียนในตลาดหุ้น เปิดโอกาสให้การออกจากการลงทุน หรือ Exit ผ่านการ IPO ในตลาดหลักทรัพย์ มีความคล่องตัวมากขึ้น โดย KBank Private Banking เชื่อว่าลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงของธนาคารมีการลงทุนในตลาดหุ้นจดทะเบียนของจีนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหุ้นจีน A-Share หรือ H-Share การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นจีนนอกตลาด จะช่วยกระจายการลงทุนและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้ เนื่องจากธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และธุรกิจที่อยู่นอกตลาดมีสัดส่วนอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน
ล่าสุด KBank Private Banking ร่วมกับบลจ.กสิกรไทย หรือ KAsset และ Schroders Capital นำเสนอกองทุนเปิดเค ไชน่า ไพรเวทอิควิตี้ 23A ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ K-CHAPE23A-UI ที่ลงทุนในหุ้นนอกตลาดในจีน โดยลงทุนส่วนใหญ่ในธุรกิจช่วงที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งกิจการและธุรกิจช่วงที่เติบโตซึ่งต้องการเงินทุนเพื่อขยายกิจการ ผ่านการซื้อขายในตลาดรองซึ่งมีระดับราคาที่น่าสนใจ หรือเป็นการร่วมลงทุนโดยเน้นลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศัก ยภาพในการเติบโต และสอดคล้องกับแผนการพัฒนาของรัฐบาลจีน ได้แก่ เทคโนโลยี สุขภาพ และการบริโภค ซึ่งมีศักยภาพในการกลายมาเป็นกลุ่มบริษัทที่เป็นผู้นำตลาดในอนาคต และยังมีการกระจายการลงทุนในหลายมิติ ทั้งด้านอุตสาหกรรม ช่วงของธุรกิจ ลักษณะการร่วมลงทุน และลงทุนในกว่า 100 บริษัท โดยความผันผวนของผลตอบแทนในอดีตของ Schroders Capital China Private Equity ต่ำกว่าดัชนีหุ้นจีน MSCI All Share กองทุนมีอายุ 7 ปี และสามารถขยายเพิ่มได้อีก 2 ปี สั้นกว่ากองทุนหุ้นนอกตลาดทั่วไป และลดความเสี่ยงการถูกเรียกเงินคืนกรณีกองทุนต่างประเทศต้องการเงินทุนเพิ่ม
นายจุน เชียน Head of Private Equity China, Schroders Capital, Schroders Group PLC กล่าวว่า Schroders Capital ได้รับใบอนุญาตคิวเอฟเอลพี (QFLP: Qualified Foreign Limited Partner) ที่เปิดกว้างในการนำเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเข้ามาในประเทศจีนและส่งเสริมการลงทุนในหุ้นนอกตลาด เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในจีน ทำให้สามารถลงทุนในจีนได้ นอกจากนี้ยังมีประสบการณ์การลงทุนหุ้นนอกตลาดในจีนมานานกว่า 15 ปี และมีเครือข่ายผู้จัดการกองทุนหุ้นนอกตลาดที่แข็งแกร่ง เช่น Sequoia China, Legend Capital และ Maison Capital รวมถึงมีทีมงานที่ดูแลด้านการลงทุนประจำอยู่ในประเทศจีน และได้รับการสนับสนุนจาก Schroders สวิตเซอร์แลนด์ จึงสามารถเข้าถึงข้อมูลและโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ และพิจารณาถึงความเสี่ยงอย่างรอบด้าน อาทิ การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลจีน แต่ผู้จัดการกองทุนก็จะสามารถปรับตัวตามนโยบายได้ เนื่องจากเข้าใจธรรมชาติของรัฐบาลจีน (Adaptive – Flexible – Local knowledge) เป็นต้น
ดร.ตรีพล กล่าวปิดท้ายว่า ในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน ทำให้โอกาสลงทุนในหุ้นนอกตลาดมีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะหลายบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่องระยะสั้น จากยอดขายไม่ขยายตัว ต้นทุนสูงขึ้น และกำไรลดลง ทำให้มีความต้องการหาพันธมิตรหรือเพิ่มทุน นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่กองทุนหุ้นนอกตลาดจะเข้าลงทุนในบริษัทคุณภาพดีในราคาที่ต่ำลง เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างกำไรได้ในอนาคต KBank Private Banking เชื่อว่าการลงทุนในกองทุนเปิดเค ไชน่า ไพรเวทอิควิตี้ 23A ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย จะช่วยกระจายความเสี่ยงพอร์ตการลงทุนจากสินทรัพย์ดั้งเดิมอย่างหุ้นและตราสารหนี้ และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนได้ ทั้งนี้การลงทุนในหุ้นนอกตลาดจีนที่บริหารโดย Schroders Capital ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปี 2565 ให้ผลตอบแทน IRR ที่ 17.2% ต่อปี ในขณะที่ผลตอบแทนของการลงทุนดัชนีหุ้นจีน MSCI China USD ด้วยกระแสเงินสดและจังหวะเวลาการลงทุนที่เหมือนกันจะอยู่ที่ -3% ต่อปี
Related