BDMS พร้อมเปิดให้บริการแอปพลิเคชัน BeDee แอปสุขภาพครบวงจรเต็มรูปแบบหนึ่งเดียวในไทย หวังตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่ต้องการดูแลสุขภาพตั้งแต่ยังไม่ป่วยจนถึงการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลา เปิดรับพันธมิตรร่วมธุรกิจในหลายภาคส่วน หลังจับมือกับ BDMS Wellness Clinic, CARIVA, SCG, สายการบิน Bangkok Airways และองค์กรในเครือ BDMS เพื่อให้บริการคนไทย-ต่างชาติเข้าถึงการดูแลแบบ Holistic Care ได้อย่างครอบคลุม และง่ายขึ้น เดินหน้าสร้างสุขภาพดีที่เป็นพื้นฐานหลักของสังคม ตั้งเป้าดันแอป BeDee ก้าวขึ้นเป็น No.1 Digital Healthcare Platform ในเร็วๆ นี้
พันตรี สมิทธิ์ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เฮลท์ พลาซ่า จำกัด ในเครือบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้จัดงาน “BeDee No.1 Life-Changing Digital Healthcare” เพื่อเปิดตัวแอปพลิเคชัน “BeDee” ที่ดูแลสุขภาพแบบครบวงจร ทุกที่ ทุกเวลาด้วย 3 บริการหลัก ในแอปเดียว คือ 1.Teleconsultation บริการปรึกษาอาการป่วยจากทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญกว่า 30 สาขาจากเครือ BDMS สามารถปรึกษาเบื้องต้นกับผู้เชี่ยวชาญฟรี 2.Telepharmacy บริการปรึกษาเรื่องยากับเภสัชกรฟรี พร้อมจัดส่งยาถึงบ้าน และ 3. Health Mall ศูนย์รวมสินค้าทางการแพทย์และสินค้าเพื่อสุขภาพ พร้อมกับสินค้าเฉพาะกลุ่มโรค แอป BeDee ถูกพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญหลากหลายแขนงจาก BDMS เครือข่ายโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 51 ปี ในด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญให้ BeDee สามารถให้บริการออนไลน์ได้อย่างครอบคลุม มาตรฐานเดียวกับเครือ BDMS และใช้แพลตฟอร์มช่วยในการเข้าถึงผู้ใช้ในวงกว้าง ตอบรับพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไป ที่มีความต้องการดูแลสุขภาพและพบแพทย์แบบทันท่วงทีมากขึ้น โดยสามารถเริ่มดูแลตั้งแต่ยังไม่ป่วยและส่งต่อการรักษาสู่โรงพยาบาล
เป้าหมายของ BeDee คือการขยายการให้บริการครอบคลุมเรื่องสุขภาพครบทุกด้านมากที่สุด ในทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งฐานลูกค้าของโรงพยาบาลในเครือ BDMS และกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา แต่ยังคงเข้าถึงบริการสุขภาพที่ได้มาตรฐาน อย่างกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนทำงาน กลุ่มคนรักสุขภาพ ผู้ป่วยในกลุ่มอาการต่าง ๆ ทั้งอาการเจ็บป่วยพื้นฐาน เช่น มีไข้ เป็นหวัด หรือป่วยเป็นโรคเฉพาะทาง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคทางจิตเวช รวมถึงกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ทั้งนักท่องเที่ยวทั่วไปและกลุ่ม Wellness tourism หรือชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย(กลุ่ม Expat)
ทั้งนี้ ในปี 2567 BeDee คาดว่าจะขยายการให้บริการเพิ่มอีก 3 บริการ ได้แก่ Health Content, Health Check up และ Health Package พร้อมขยายตลาดเจาะกลุ่มลูกค้า B2B ที่เป็นบริษัท ห้างร้านต่าง ๆ ที่ต้องการดูแลสุขภาพพนักงานเพิ่มมากขึ้น โดยปี 2566 นำร่องที่กลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัท ปตท.สผ. เพื่อผลักดันให้ทุกองค์กรดูแลพนักงานแบบครบวงจรได้ง่าย ๆ ทุกวันด้วย Ultimate Corporate Check Up ที่เชื่อมโยง Health Records มาไว้ในแอปและการนำเสนอแพ๊กสุขภาพที่เหมาะกับพนักงาน รวมถึงการทำการตลาดแบบไม่แบ่งแยก (Inclusive Marketing) เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า Transgender ด้วยการเติบโตและความต้องการด้านการรักษาที่ละเอียดอ่อนเฉพาะตัว รวมถึงองค์ความรู้ด้านสุขภาพที่อาจจะยังมีความเชื่อที่ไม่ถูกต้องอยู่มาก BeDee จึงอยากให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้เข้าถึงการรักษาที่ถูกต้อง
“แอป BeDee เจาะกลุ่มลูกค้าทั้งในรูปแบบทั้ง B2B , B2C และในอนาคตจะก้าวไปสู่ B2B2C ด้วย เพื่อให้ BeDee เป็นแพลตฟอร์มที่ยั่งยืน สามารถขับเคลื่อนได้เองจากผู้ใช้งาน ล่าสุดเราได้จับมือกับพันธมิตรรายใหญ่หลายรายในหลากหลายธุรกิจ เช่น BDMS Wellness Clinic (BWC) เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายด้าน Wellness ให้คนไทยมีสุขภาพดีในทุกวัน ดูแลแบบองค์รวม ทั้งร่างกายและจิตใจ ผ่าน Digital Healthcare Platform รวมถึงการออกแบบแพ็กเกจสุขภาพที่เหมาะกับแต่ละบุคคล เช่น Weight Management Package, Mental & Sleep และ Childcare เป็นต้น สำหรับ CARIVA เราได้ร่วมกันผนึกกำลังสร้าง Healthcare Innovation เพื่อให้คนไทยได้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยวิเคราะห์ร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งานได้เช็กร่างกาย และสามารถพบอาการบ่งชี้เบื้องต้นหากเจอภาวะผิดปกติต่าง ๆ BeDee ยังให้ความสนใจกับ Tourism Market มุ่งเน้นให้เกิดการท่องเที่ยวแบบปลอดภัยโดยเริ่มโครงการกับสายการบิน Bangkok Airways เอื้อประโยชน์ให้นักท่องเที่ยวทั้งคนไทย-ต่างชาติ ได้ใช้บริการด้านสุขภาพที่สามารถติดตัวไว้ใช้ได้ทั่วประเทศ และพันธมิตรกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เนื่องจาก BeDee มีแนวคิดว่าจิตใจที่แข็งแรงจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงไปด้วย และอยากให้คนรุ่นใหม่ไม่กลัวที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพใจตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงได้ริเริ่มโครงการ Care Your Mind สำหรับกลุ่มนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ ให้สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านแอป BeDee ได้ฟรี”
ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมีพันธมิตรรายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นสายประกัน สายสุขภาพ และสายเทคโนโลยี เพราะเป้าหมายของ BeDee คือการเปิดกว้างรับพันธมิตรเพิ่มแบบไม่จำกัด เพื่อให้ผู้บริโภค ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เข้าถึง Wellness ได้กว้างขึ้น และง่ายขึ้น ในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ
พันตรี สมิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า BeDee มองตลาด Wellness เป็นเทรนที่น่าสนใจมาก การจับมือกับพันธมิตรต่าง ๆ รวมถึง BDMS Wellness Clinic หรือ BWC ในฐานะผู้นำด้าน Wellness ที่ให้บริการอย่างครบวงจร ถือเป็นเรื่องที่ดีในการขยายตลาดจากออฟไลน์มาสู่บริการบน Platform Online ซึ่งผู้ใช้บริการมั่นใจได้เลยว่า การเลือกใช้บริการแอป BeDee จะได้รับการบริการจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และมีมาตรฐานสูงเหมือนกับการเข้าไปใช้บริการที่โรงพยาบาลในเครือ BDMS แน่นอน เพราะ BeDee มีเครือข่ายโรงพยาบาลมากถึง 58 แห่ง และ 28 ศูนย์แลปจากเครือ BDMS, ร้านขายยา Save Drug, ศูนย์แลป N Health, เว็บไซต์สุขภาพ, อาหารสุขภาพ, ฟิตเนส, Gadget สายสุขภาพ ไว้รองรับผู้ใช้บริการ
ขณะเดียวกัน BeDee ยังสามารถออกแบบโปรแกรมการดูแลเฉพาะบุคคลและองค์กรได้ด้วย เพราะเราเข้าใจเป็นอย่างดีว่า ร่างกายแต่ละคนมีอาการและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน บางองค์กรเน้นการดูแลด้านจิตใจ เช่น องค์กรที่ทำงานด้าน Call Center ที่ต้องรับมือกับการแก้ปัญหาให้กับลูกค้า ต้องรับมือกับความเครียด บางองค์กรเน้นการมีร่างกายที่แข็งแรง เช่น องค์กรอยู่ในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม เพราะต้องใช้แรงงานตลอดเวลา นอกจากนี้ BeDee ยังเป็น Health Tech ที่มีความ Flexible สูงในการเชื่อมต่อแอปเข้ากับระบบต่าง ๆ ของพาร์ทเนอร์ มี Module ต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเติมเต็มการบริการด้านสุขภาพกับพาร์ทเนอร์โดยง่าย เราจึงมีโครงการอีกมากมายที่รอเปิดตัวอยู่
“เราจับมือกับพันธมิตรหรือพาร์ทเนอร์ด้านสุขภาพ เพื่อต้องการนำเสนอแคมเปญและแพ็กเกจให้เหมาะกับแต่ละกลุ่มผู้ใช้งานมากที่สุด ครบวงจรที่สุด ทั้งเรื่องอาหาร ฟิตเนส วิตามิน และประกันสุขภาพ แต่เราก็ไม่ทิ้งกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ เพราะ BeDee มุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมสุขภาพ ดังนั้นเราจึงมีแผนที่จะจับมือกับหลาย ๆ ภาคส่วน โดยมีโปรโมชันช่วงเปิดตัวในหลาย ๆ Service ทั้งปรึกษากับพยาบาลฟรี ส่งฟรี และแจกโค้ดส่วนลดเงินสด 100 บาท แบบไม่มีขั้นต่ำ ใช้ได้กับทุกบริการในแอป เพียงใส่โค้ด BDPR03 ก่อนชำระ ตั้งแต่วันนี้ – 30 พ.ย. 2566 เพื่อให้ทุกคนได้ทดลองใช้ ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากผู้ใช้งานได้ทดลองใช้แอป BeDee จะประทับใจใน Healthcare Ecosystem Experience ที่ BeDee เตรียมไว้แน่นอน” พันตรี สมิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย
สามารถดาวน์โหลดแอปเพื่อใช้งานได้แล้ววันนี้ คลิกhttps://bit.ly/46pT9pj หรือติดตามโปรโมชันใหม่ ๆ ได้ที่ https://www.bedee.com/