รัฐบาลญี่ปุ่นออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยล่าสุดใช้เม็ดเงินมากถึง 17 ล้านล้านเยน เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในญี่ปุ่นเวลานี้ รวมถึงสนับสนุนการขึ้นค่าแรง หรือแม้แต่ผนที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพของเศรษฐกิจญี่ปุ่นหลังจากนี้
รัฐบาลญี่ปุ่นออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนใหญ่ถึง 17 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 4.06 ล้านล้านบาท เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในญี่ปุ่นเวลานี้ นอกจากนี้ในแผนดังกล่าวยังมีแผนที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพของเศรษฐกิจญี่ปุ่นหลังจากนี้
โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้กำหนดเป้าหมายไว้ 5 ประการ ซึ่งมีทั้งการแก้ปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา การรับประกันการปรับขึ้นค่าจ้างอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ ซึ่งรัฐบาลได้กล่าวว่าจะระดมทุกมาตรการทางนโยบายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
มาตรการดังกล่าวมีทั้ง การบรรเทาค่าสาธารณูปโภคนั้นจะขยายระยะเวลาออกไปจนถึงเดือนเมษายนปี 2024 ครัวเรือนที่มีรายได้น้อยจะได้ด้รับการยกเว้นภาษีท้องที่บางส่วน การช่วยเหลือผู้ค้าส่งน้ำมัน เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ช่วยยกระดับเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มเม็ดเงินอุดหนุนและลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ การสนับสนุนให้นายจ้างปรับขึ้นค่าแรง การสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถมีประสิทธิผลในการผลิตหรือให้บริการที่ดีกว่าเดิม
ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ได้กล่าวในการแถลงข่าวว่า ลำดับความสำคัญของเขาคือการเอาชนะภาวะเงินฝืดและทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นกลับมาเติบโต และเมื่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นกลับมาโตก็จะทำให้มีรายได้จากภาษีจะเพิ่มขึ้นส่งผลทำให้ภาคการคลังของประเทศกลับมาแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ดีในแผนการดังกล่าว ทาคาฮิเดะ คิอุจิ นักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันวิจัยโนมูระ กลับมองว่าผลกระทบของมาตรการดังกล่าวที่มีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นถือว่าจำกัด เนื่องจากการลดภาษีและการจ่ายเงินชั่วคราวมีแนวโน้มที่จะไปสู่การเก็บเงินของผู้บริโภค และมาตรการดังกล่าวจะไม่เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น
คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนใหญ่ดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนของปี 2024