“KATALYST STARTUP LAUNCHPAD” จบภารกิจปีที่ 4 หนุนสตาร์ทอัพไทย – เซอร์ไพรส์ปีนี้ “Deep Tech” มาแรง


โครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD โดยธนาคารกสิกรไทยจัดต่อเนื่องมาจนถึงปีที่ 4 สนับสนุนสตาร์ทอัพไทยผ่านหลักสูตรไปแล้วรวมกว่า 200 ราย ปีนี้เห็นการก้าวกระโดดในวงการ สตาร์ทอัพไทยนำเสนอธุรกิจจาก ‘Deep Tech’ ต่อยอดงานวิจัยกันมากขึ้น

หลักสูตรและการแข่งขันเข้มข้นขึ้นทุกปีสำหรับโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD” ที่ธนาคารกสิกรไทยจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้วในปีนี้

โครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD เป็นหลักสูตรที่ธนาคารกสิกรไทยร่วมมือกับโครงการวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด นำโดย รองศาสตราจารย์ Charles (Chuck) Easley และพันธมิตรในด้านต่างๆ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับองค์ความรู้ผ่านการอบรมต่อเนื่อง 9 สัปดาห์ พร้อมคำแนะนำจากเมนเทอร์ในหลากหลายอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงมีการแข่งขันนำเสนอธุรกิจในสัปดาห์สุดท้ายเพื่อชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท

สำหรับโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD 2023 ปีนี้มีผู้สมัครมากถึง 200 ทีม และมีผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าอบรมในหลักสูตร 62 ทีม ในจำนวนนี้มีทีมที่ผ่านเกณฑ์สำเร็จหลักสูตรคิดเป็นสัดส่วน 80% ของทั้งหมด

บรรยากาศการแข่งขันรอบสุดท้าย

ในสัปดาห์สุดท้ายของหลักสูตร จะมีทีมที่ได้รับคัดเลือกให้นำเสนอธุรกิจ (Pitching) ต่อคณะกรรมการเพียง 10 ทีม โดยมีรางวัลให้กับผู้ชนะ 3 อันดับแรก และรางวัลพิเศษ Sustainable Innovation Award อีก 1 รางวัล เพื่อมอบให้กับทีมที่มีวิสัยทัศน์ด้านการสร้างนวัตกรรมที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน

บรรยากาศในงานวันนำเสนอธุรกิจวันสุดท้ายของหลักสูตร ธนาคารกสิกรไทยมีการเชิญ “ยอด ชินสุภัคกุล” ซีอีโอ LINE MAN Wongnai แบ่งปันประสบการณ์การทำสตาร์ทอัพเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ

โดยยอดมีคำแนะนำสำคัญๆ ให้กับเหล่าสตาร์ทอัพหน้าใหม่ว่าต้องเริ่มจากการ “เลือกเข้าสู่ตลาดที่ถูกต้อง” เป็นคนแรกๆ ที่เข้าไปทำตลาด เมื่อเข้าไปทำธุรกิจแล้วให้ “ใส่ไข่ในตะกร้าทุกใบ” เปิดโอกาสไว้ทุกๆ ทางเพื่อเตรียมคว้าโอกาสที่ดีที่สุดเมื่อมาถึง รวมถึง “อย่ายอมแพ้” อดทนรอจนกว่าจะถึงจังหวะที่ธุรกิจของตนเองจะเป็นขาขึ้น

“ยอด ชินสุภัคกุล” ซีอีโอ LINE MAN Wongnai

“สิ่งที่จะบอกสำหรับคนทำสตาร์ทอัพคือ ผมเองไม่ได้ฉลาดกว่าคนอื่น แต่ที่มีมากกว่าคนอื่นคือ ‘ผมทนกว่า’ สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะบริหารจัดการพลังงานของคุณอย่างไร ทำอย่างไรให้คุณไม่ท้อและไปต่อให้ได้” ยอดกล่าว

ผู้ชนะปีนี้ “Tambaan.co” ระบบจ้างงานผู้รับเหมา เพื่อแก้ปัญหาการโกงในงานก่อสร้าง

สำหรับ 10 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายของ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD 2023 ได้แก่

  • co ระบบจ้างงานผู้รับเหมา เพื่อแก้ปัญหาการโกงในงานก่อสร้าง
  • OsseoLabs เทคโนโลยีการออกแบบและผลิตอุปกรณ์ช่วยผ่าตัดและวัสดุฝังเฉพาะบุคคลสำหรับการรักษาเนื้องอกและมะเร็งในกระดูก
  • PAC Technovation ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมจัดการพลังงานในระบบน้ำร้อน/ระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล
  • Eyequila นวัตกรรมเกมมือถือช่วยบริหารสายตา ลดอาการตาล้าและความเครียด
  • Moronline โรงพยาบาลบนสมาร์ทโฟน ครบจบในแอปเดียว
  • GATI ระบบบริหารจัดการฟาร์มกุ้งอัจฉริยะ
  • Modgut ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจุลินทรีย์ในลำไส้ เพื่อการดูแลสุขภาพอย่างแม่นยำเฉพาะบุคคล
  • OrderKub ระบบจัดการออเดอร์ร้านค้าออนไลน์ด้วย AI
  • Preceptor AI แพลตฟอร์มที่ช่วยบุคคลากรแพทย์วินิจฉัยโรคและดูแลคนไข้ โดยใช้เทคโนโลยี AI ที่จะมาแก้ไขปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ
  • Plant Origin ผลิตภัณฑ์ทดแทนไข่ที่ทำมาจากโปรตีนรำข้าว เพื่อผู้ที่มีปัญหาในการรับประทานไข่

ผลการแข่งขันปรากฏว่าผู้ชนะของปีนี้ อันดับ 1 Tambaan.co (Space Next Co.,Ltd.) ตามด้วย อันดับ 2 Plant Origin ปิดท้าย อันดับ 3 Preceptor AI ส่วนรางวัลพิเศษ Sustainable Innovation Award ตกเป็นของ Modgut

“ธนพงษ์ ณ ระนอง” กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) กล่าวถึงทีมผู้ชนะรางวัลทั้ง 4 ทีมว่ามีจุดแข็งที่แตกต่างกัน โดยทีม Tambaan.co ทำธุรกิจตัวกลางในการจ้างผู้รับเหมาซึ่งถึงแม้จะไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่มีใครเคยทำ แต่ยังเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ Pain Point ในสังคม รวมถึงตลอดการอบรม 9 สัปดาห์ ทีมนี้แสดงออกถึง Passion ในการทำงานสูงมาก

ด้านทีม Plant Origin เป็นอีกทีมที่ตอบโจทย์ Pain Point ในตลาดได้อย่างชัดเจน เพราะเป็นสินค้าต่อยอดจากงานวิจัยเพื่อหาทางออกด้านสุขภาพให้กับผู้ป่วย เชื่อว่าจะเป็นธุรกิจแห่งอนาคตได้

ส่วนทีม Preceptor AI ถือเป็นธุรกิจใหม่ หาช่องว่างในตลาดที่จะทำธุรกิจการเป็นที่ปรึกษาให้กับแพทย์ และยังใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาเป็นฐานในการทำงาน

ด้านรางวัลพิเศษ Sustainable Innovation Award เป็นปีแรกที่โครงการมีการมอบให้ เนื่องจากเป็นปีที่เน้นการส่งเสริมสตาร์ทอัพให้คำนึงถึงประเด็นด้าน Sustainable และทีม Modgut ถือว่าทำธุรกิจที่ตอบโจทย์ในด้านนี้ เพราะการวิเคราะห์จุลินทรีย์ในลำไส้จะเป็นเวชศาสตร์เชิงป้องกันรูปแบบหนึ่ง สร้างเสริมสุขภาพที่ดีตั้งแต่ก่อนเจ็บป่วย พร้อมทำให้สังคมไทยสามารถเข้าถึงการรักษาสุขภาพด้านได้ง่ายขึ้นอย่างทั่วถึง

“การันต์ แป้นทอง” ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ Tambaan.co กล่าวถึงประสบการณ์ที่ได้รับจากการร่วมโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD 2023 ว่าเป็นโครงการที่มีหลักสูตรอบรมเข้มข้นและต่อเนื่องตลอดการเรียน ในทุกสัปดาห์จะมีการบ้าน มีการให้คะแนนและ Feedback กลับมา ทำให้พัฒนาได้เร็ว รวมถึงหลักสูตรจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดทำให้บริษัทวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าได้ละเอียดแม่นยำ มีความมั่นใจในทิศทางการทำธุรกิจมากขึ้น


เซอร์ไพรส์ “Deep Tech” มาแรงมาก

ด้าน “เชษฐพันธุ์ ศิริดานุภัทร” Managing Director, KBTG Labs หนึ่งในคณะกรรมการตัดสินผู้ชนะรางวัล มองว่าหลักสูตรปีนี้มีผู้เข้าร่วมจากสายธุรกิจ Health Tech” และ Enterprise Solution” ค่อนข้างมาก เป็นไปตามความต้องการในตลาด เพราะทั้งสองสายธุรกิจถือเป็นกลุ่มที่ผู้ซื้อมีโอกาสจะจ่ายจริงเพื่อซื้อสินค้าและบริการ โดยเฉพาะสาย Health Tech นั้นเป็นเทรนด์ที่เชื่อว่าจะเติบโตสอดคล้องไปกับสภาวะสังคมผู้สูงอายุของไทย

“เชษฐพันธุ์ ศิริดานุภัทร” Managing Director, KBTG Labs

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประทับใจของปีนี้คือการได้เห็นสตาร์ทอัพจำนวนมากทำธุรกิจจาก “Deep Tech” หรือ “Deep Science” หลายทีมนำงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาต่อยอดพัฒนาเพื่อเป็นธุรกิจ ซึ่งจะเป็นจุดแข็งในระยะยาวเพราะธุรกิจที่ใช้องค์ความรู้ที่ต้องผ่านการวิจัยเป็นตัวตั้งจะทำให้ลอกเลียนแบบได้ยาก และไทยจะมีโอกาสเป็นผู้ส่งออกเทคโนโลยีได้อย่างน้อยในระดับภูมิภาค

นอกจากนี้ ยังเห็นเทรนด์จากผู้เข้าร่วมโครงการปีนี้ 80% มีการประยุกต์ใช้ AI เข้ามาในธุรกิจ สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในตลาด รวมถึงเห็นศักยภาพที่สูงขึ้นมากของสตาร์ทอัพ เพราะหลายทีมไม่ได้มาในขั้นตอนการสร้างไอเดียธุรกิจเหมือนในอดีต แต่มีการเริ่มลงมือทำและเติบโตไปแล้วในระดับหนึ่ง

“เห็นได้ว่าคนที่เข้ารอบไฟนอลลิสต์วันนี้คือคนที่เข้าใจโจทย์ของลูกค้าจริงๆ ไม่ได้วิ่งตามเทรนด์ที่กำลังมา และมีการเสนอโซลูชันให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ ได้เห็นแล้วว่าธุรกิจของเขาสามารถดึงเม็ดเงินได้จริง” เชษฐพันธุ์กล่าว “แลนด์สเคปสตาร์ทอัพของเราเปลี่ยนไปแล้ว เราไม่ได้ขายกันด้วยวิสัยทัศน์อย่างเดียว แต่มาพร้อมกับฐานลูกค้าจริง รายได้จริงที่เกิดขึ้นแล้ว”

“ธนพงษ์ ณ ระนอง” กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี)

ธนพงษ์แห่งบีคอน วีซี กล่าวต่อว่า จาก 4 ปีที่สร้างโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD เห็นได้ว่ามีอัตราสตาร์ทอัพที่ไม่ผ่านเกณฑ์การอบรม (Drop Rate) น้อยลงเรื่อยๆ สะท้อนให้เห็นว่าในวงการเริ่มเข้าใจจุดประสงค์โครงการนี้ว่ามีการอบรมเข้มข้นและต้องการสร้างทักษะอย่างแท้จริง ทำให้ทีมสตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการมีคุณภาพสูงขึ้นทุกปี

หลังจากนี้ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้อยู่ในระบบนิเวศของการสร้างเครือข่ายและการทำธุรกิจ และทางธนาคารกสิกรไทยจะเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงเวนเจอร์แคปิตอลที่ต้องการลงทุนในสตาร์ทอัพระดับ Seed Stage รวมถึงการสนับสนุนองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง โดยทางธนาคารกสิกรไทยเชื่อว่าสตาร์ทอัพเหล่านี้จะเป็นผู้ขับเคลื่อนนวัตกรรมให้กับประเทศไทยในอนาคต