คณะกรรมการกำกับดูแลของกลุ่มลุฟท์ฮันซ่าตัดสินใจสั่งซื้อเครื่องบิน เอ220-300 (A220-300) เพิ่มเติมจำนวน 40 ลำ เข้าร่วมในฝูงบินสำหรับเที่ยวบินระยะสั้น และเที่ยวบินระยะกลาง โดยเครื่องบิน A220 ได้เข้าประจำการกับกลุ่มบริษัทมาตั้งแต่ปี 2559 เมื่อสวิสอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ (SWISS) ได้นำเครื่องบินลำแรกเข้าประจำการตามกำหนด
นายคาร์สเทน สปอร์ (Carsten Spohr) ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ดอยช์ลุฟท์ฮันซ่า (Deutsche Lufthansa AG) กล่าวว่า “เราได้สานต่อความร่วมมืออันโดดเด่นกับแอร์บัส ผ่านคำสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A220 ล่าสุด เพิ่มเติมอีก 40 ลำในครั้งนี้” และเพิ่มเติมอีกว่า “ในฐานะลูกค้าสายการบินรายใหญ่ที่สุด เราได้รับส่งมอบเครื่องบินลำที่ 600 จากแอร์บัสเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และยังตั้งตารอการส่งมอบเครื่องบินลำที่ 700 อีกด้วย ลูกค้าของเราต่างรอคอยการมาถึงของ A220 ที่ทั้งทันสมัย ประหยัด และมีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิง”
นายคริสเตียน เชอร์เรอร์ (Christian Scherer) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์และหัวหน้าของแอร์บัส อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่าเป็นหนึ่งในลูกค้ากลุ่มแรกๆ ที่ใช้เครื่องบินรุ่น A220 และประสบความสำเร็จในการให้บริการด้วยเครื่องบินรุ่นนี้ในเครือข่ายเส้นทางบิน ของสายการบิน SWISS นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการยืนยันความเชื่อมั่นจากพันธมิตรและลูกค้าที่ยืนยาวของเรา” และเสริมอีกว่า “เนื่อง จาก A220 เป็นเครื่องบินที่ออกแบบแบบคลีนชีตเพียงลำเดียว และออกแบบมาเพื่อรองรับตลาด 100-150 ที่นั่ง จึงเป็นโซลูชันที่มีประสิทธิภาพโดดเด่นมากที่สุดในเครื่องบินประเภทเดียวกันซึ่งมีบทบาทที่สำคัญในการสนับสนุนกลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่าให้สามารถบรรลุเป้าหมายอันน่าตื่นเต้น ทั้งในด้านการพัฒนาสายการบิน และเป้าหมายด้านความยั่งยืน”
ลุฟท์ฮันซ่าตอกย้ำความสัมพันธ์อันยาวนานกับแอร์บัสด้วยคำสั่งซื้อล่าสุด ซึ่งนับตั้งแต่เครื่องบิน เอ300 (A300) ในปี 2513 กลุ่มบริษัทลุฟท์ฮันซ่าได้ปฏิบัติการบินด้วยเครื่องบินตระกูลแอร์บัสทั้งหมด ตั้งแต่รุ่น เอ220 (A220) ตระกูลเอ 320 (A320-Family) เอ330 (A330) เอ340 (A340) เอ350 (A350) และเอ380 (A380)
A220-300 เครื่องบินรุ่นใหม่ล่าสุดที่ล้ำสมัยและขนาดใหญ่กว่าเครื่องบินตระกูล A220 สามารถรองรับผู้โดยสารได้ระหว่าง 120 ถึง 150 คน ในเที่ยวบินที่บินได้ไกลสูงสุดถึง 3,400 ไมล์ทะเล (6,300 กม.) เครื่องบินรุ่นนี้ช่วยลดการเผาไหม้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อที่นั่งลง 25 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีห้องโดยสาร ที่นั่ง และหน้าต่างที่กว้างขวางที่สุดในเครื่องบินระดับเดียวกัน เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายในระดับที่เหนือกว่า
เพื่อให้สอดคล้องกับเครื่องบินแอร์บัสทุกลำ ปัจจุบันเครื่องบินรุ่น A220 สามารถปฏิบัติการบินด้วยเชื้อเพลิงแบบยั่งยืน (SAF) เป็นสัดส่วนสูงสุด 50 เปอร์เซ็นต์ โดยแอร์บัสมุ่งมั่นที่จะทำให้เครื่องบินพาณิชย์ เครื่องบินทางการทหาร และเฮลิคอปเตอร์ทั้งหมดของบริษัท สามารถปฏิบัติการด้วยเชื้อเพลิง SAF ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2573
ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน แอร์บัสได้รับคำสั่งซื้อเครื่องบิน A220 จำนวน 849 ลำ จากลูกค้า 31 ราย และในบรรดา คำสั่งซื้อเหล่านี้ มีเครื่องบินจำนวน 303 ลำที่ได้รับการส่งมอบแล้ว ปัจจุบันเครื่องบิน A220 เข้าประจำการใน 18 สายการบินทั่วโลก เพื่อให้บริการบินในกว่า 1,350 เส้นทาง